เนื่องจากเชื่อโฆษณาออนไลน์และปฏิเสธการรักษาทางการแพทย์กระแสหลัก ชายคนนี้เกือบเสียชีวิตเพราะอาการป่วยของเขารุนแรงมาก
เมื่อกว่า 1 ปีก่อน คุณโง วัน เชียน (อายุ 65 ปี จากจังหวัดซอนลา) รู้สึกปวดท้องขึ้นมา โดยคิดว่าอาจเป็นเพราะโรคทางเดินอาหาร หรืออาการของวัยชรา จึงซื้อยามากินเอง อาการปวดก็ไม่หยุดลง แถมยังรู้สึกไม่สบายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ ครอบครัวของเขาแนะนำให้เขาไปพบแพทย์แต่เขาปฏิเสธ
เมื่อน้ำหนักของเขาเริ่มลดลงอย่างรวดเร็วและผิวพรรณของเขาซีดลง เขาจึงไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอย่างไม่เต็มใจ ผลการตรวจชิ้นเนื้อสร้างความตกใจให้กับทั้งครอบครัว เขาเป็นมะเร็งทวารหนัก
แพทย์แนะนำให้ผ่าตัดตั้งแต่เนิ่นๆ ร่วมกับการรักษาสมัยใหม่ มีอัตราหายขาดร้อยละ 90
แทนที่จะฟังหมอ คุณเชียนกลับค้นหาข้อมูลทางออนไลน์ เขาเข้าร่วมกลุ่ม “รักษามะเร็งด้วยวิธีธรรมชาติ” ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวของผู้คน “ที่หลบหนีโทษประหารชีวิต” ได้ด้วยการรับประทานอาหารแบบมาโครไบโอติก ดื่มน้ำมะละกอ และฉีดน้ำหอม
เขาละเลยการรักษาแบบเดิมๆ และกลับบ้านไปปฏิบัติตามวิธีการที่ “หมอกูเกิล” แนะนำ เขาดื่มน้ำดอกมะละกอแช่กับรากไม้เพื่อรักษาโรคเป็นประจำ ทุกวัน เขาใช้เวลาหลายชั่วโมงในการอ่านบทความเกี่ยวกับ “การรักษามะเร็งโดยไม่ต้องใช้เคมีบำบัด” และสั่งซื้ออาหารเสริมหลายชนิดจากเว็บไซต์ที่มีการโฆษณาอย่างหนัก
ในช่วงสัปดาห์แรกๆ เขาเริ่มรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการผ่าตัดหรือเคมีบำบัดอีกต่อไป สุขภาพของเขาเริ่มเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว ชายคนนี้รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ร่างกายอ่อนล้า จึงกลับมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ ในขณะนี้เนื้องอกขนาดใหญ่ใกล้จะแตกและแพร่กระจายไปที่เยื่อบุช่องท้อง ลำไส้ใหญ่ และต่อมน้ำเหลืองหลายแห่ง
แพทย์แจ้งข่าวร้ายว่ามะเร็งได้ลุกลามไปในระยะท้ายแล้ว เมื่อเนื้องอกแพร่กระจาย โอกาสที่การรักษาจะประสบความสำเร็จจะลดน้อยลงกว่าเดิมมาก หลังจากปรึกษาหารือ ทีมแพทย์ได้ทำการผ่าตัดฉุกเฉินเพื่อป้องกันไม่ให้เนื้องอกแตก และให้การดูแลแบบประคับประคองเพื่อยืดชีวิต
โดยนายแพทย์ฮาไหนาม รองหัวหน้าแผนกศัลยกรรมช่องท้อง 1 รพ.เค กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นกรณีที่น่าเสียดาย เพราะพลาดช่วงเวลาทองของการรักษา ทำให้โรคลุกลามอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะต้องเผชิญกับการรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น เจ็บปวดมากขึ้น และอัตราการรอดชีวิตที่น้อยลง
ผู้ป่วยมะเร็งหลายรายสามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบแต่เนิ่นๆ และรักษาอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับอิทธิพลจากข้อมูลเท็จบนอินเทอร์เน็ต โดยนำข้อมูลที่ผิดๆ ไปใช้อย่างผิดวิธี จนก่อให้เกิดผลที่ไม่พึงประสงค์
แพทย์ฮาไหนัมแนะนำว่าประชาชนไม่ควรปฏิเสธบทบาทของการแพทย์สมัยใหม่ ไม่ควรกลัวการ “เข้ารับการผ่าตัด” และควรเดิมพันสุขภาพและชีวิตของตนกับการแพทย์แผนโบราณ เพื่อหวังว่าจะรักษาให้หายได้ ประชาชนควรเลือกสถานพยาบาลที่มีชื่อเสียงและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญถูกต้องในการรักษาเมื่อเจ็บป่วย อย่าเชื่อกลวิธีโฆษณาชวนเชื่อที่แพร่หลายบนอินเตอร์เน็ตเด็ดขาด เพราะอาจทำให้พลาดโอกาสทองในการรักษา
ตามที่ผู้เชี่ยวชาญกล่าวไว้ นอกเหนือจากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตที่ชาญฉลาดแล้ว ยังมีคนอีกมากที่ตาบอด เข้าถึงข้อมูลอย่างไม่เลือกปฏิบัติ และไม่สามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกต้องจากสิ่งผิดได้ เว็บไซต์หลายแห่งใช้ประโยชน์จากความกลัวของผู้ป่วยเพื่อแสวงหากำไร โฆษณาอย่างเช่น “รักษามะเร็งโดยไม่ต้องเคมีบำบัด” “ฟื้นฟูสุขภาพใน 1 เดือน” หรือ “อาหารเพื่อสุขภาพที่ทำลายเซลล์มะเร็ง” ไม่มีพื้นฐานทางการแพทย์แต่อย่างใด ทำให้ผู้ป่วยเสียเงินเปล่า พลาดการรักษาในระยะที่ดีที่สุด และยังทำให้โรคลุกลามเร็วขึ้นอีกด้วย
“ยังไม่มีสถิติที่ชัดเจน แต่ในความเป็นจริง จำนวนผู้ป่วยที่ปฏิเสธการเข้าถึงยาแผนปัจจุบันเพราะเชื่อในโฆษณาออนไลน์กำลังเพิ่มมากขึ้น”นพ.นัม กล่าว พวกเขาติดอยู่กับแคมเปญการตลาดแบบมีระบบ ในขณะที่ข้อมูลทางการแพทย์ถึงแม้จะถูกต้องและเป็นวิทยาศาสตร์ แต่ก็ไม่ได้ตรงตามความคาดหวังของผู้ป่วยจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการวิธีแก้ปัญหาที่รวดเร็ว สะดวก และราคาถูก
ผู้เชี่ยวชาญยังยอมรับอย่างตรงไปตรงมาว่าเหตุผลส่วนหนึ่งที่ผู้ป่วยแสวงหาวิธีการแก้ปัญหาที่ยังพิสูจน์ไม่ได้นั้นมาจากระบบสาธารณสุขเอง โรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่แออัด การรอคอยที่ยาวนาน และแม้แต่บุคลากรทางการแพทย์บางคนที่ไม่มีทัศนคติที่ดี ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจ นี่เป็นการสร้างโอกาสให้กลุ่มโฆษณาที่ไม่เป็นทางการ “แพร่ระบาด” โดยไม่ได้ตั้งใจ
การปกป้องสุขภาพของผู้ป่วยไม่ใช่แค่การรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อสู้กับข้อมูลที่ผิดพลาดอีกด้วย แพทย์แนะนำว่าประชาชนควรกรองข้อมูลและค้นหาแหล่งข้อมูลอย่างเป็นทางการ เช่น เว็บไซต์ของกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลใหญ่ๆ แทนที่จะเชื่อโฆษณาที่ไม่มีมูลความจริง