พ่อแม่ พูดไม่ออกผิดหวังลูก แอบขายบ้าน เล่าเงินก้อนสุดท้ายหวังเป็นที่สุดท้ายชีวิต

จากนั้นลูกชายคนโต อายุ 30 ปี พาไปทำกายภาพบำบัดพร้อมกับบอกว่าต้องการเงินไปเซ้งร้านเปิดขายอาหารตามสั่ง ขอเอาบ้านไปขายฝาก พร้อมกับรับปากว่าจะไม่ทอดทิ้งและจะดูแลพ่อแม่ตลอดไป ตนเองจึงยอมเซ็นต์ชื่อยอมให้ขายฝาก โดยลูกชายได้เงินไป 3 แสนบาทจากการขายฝาก

หลังจากนั้นตนเองที่กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงก็ไม่มีความสามารถไปค้าขายได้เหมือนเดิม มีรายได้เพียงเงินเบี้ยคนพิการ ส่วนสามีก็รับจ้างขายของได้เงินวันละสองร้อยบาท ก็ต้องอยู่กันอย่างประหยัด โดยมีลูกชายคนเล็กแวะเวียนมาดูแลเป็นครั้งคราว ส่วนลูกชายคนโตทราบว่าได้เงินไปแล้วไม่ได้เอาไปเปิดร้านและก็หายตัวไป นาน ๆ จะมาหาที

กระทั่งช่วงต้นปี 2566 ได้มีคนมาดูบ้าน ทำให้รู่ความจริงว่าบ้านถูกลูกชายคนโตเอาไปขายแล้วในราคา 1.4 ล้านบาท และ ขายได้มาแล้วกว่า 8 เดือน ทำให้ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก โดยเจ้าของคนใหม่ได้ขอให้ย้ายออก แต่ตนเองและสามีก็ไม่มีที่ไป จึงขอร้องอยู่ต่อซักพักนกว่าจะหาที่อยู่ใหม่ได้

นางอัมพร บอกว่า ผิดหวัง ไม่คิดว่าลูกชายจะทำแบบนี้ ที่บ้านมาตั้งแต่เล็กจนโตก็เลี้ยงดูมาอย่างดี คาดว่าที่ทำไปเพราะติดพนันเพราะเคยได้ยินลูกบอกว่าทำเว็บพนัน และ เสียใจมากที่สูญเสียบ้านไปโดยไม่รู้ตัว เพราะบ้านหลังนี้เป็นทุกอย่าง เมื่อติดต่อหาลูกชายก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

อย่างไรก็ตามก็เข้าใจเจ้าของคนใหม่และยืนยันว่าไม่ได้ดื้อรั้นหรือขัดข้องที่จะย้ายออก เพียงแต่ไม่มีเงินมากพอที่จะออกไปหาที่อยู่ใหม่ ตอนนี้ก็กังวลใจมากเพราะทางเจ้าของใหม่แจ้งให้ย้ายออกภายในเดือนนี้ แต่เมื่อทราบว่าเจ้าของใหม่จะช่วยเหลือให้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปมัดจำและเช่าที่อยู่ใหม่ก็ขอบคุณ โดยในตอนนี้อยู่ระหว่างหาที่อยู่ใหม่และพร้อมจะย้ายออกทันทีหากมีความพร้อม

ขณะที่ ผู้สื่อข่าวได้พยามติดต่อลูกชายของทั้งสองทางโทรศัพท์แต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

อ่าน อุทาหรณ์บ้านมือสอง ลูกแอบขายบ้าน ทิ้งแม่ติดเตียง พ่อป่วยหนักไว้