มือปราบรุกป่า ประกาศลาออก ท้อใจ 1 ปี ป่าไม้ไทยหายวับ 3 แสนไร่ นายทุน-คทช.-ส.ป.ก.รุมทึ้ง

นายชีวะภาพ กล่าวว่า จากสถานการณ์ป่าไม้ล่าสุด ที่วิเคราะห์โดยการแปลข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศ ปี2566 พบว่า ป่าไม้ลดลง 3 แสนไร่เศษๆ ภายในเวลา 1 ปี เป็นตัวบ่งบอกว่ามีการบุกรุกป่าสมบูรณ์ เฉลี่ยเดือนละ 30,000 ไร่ หรือวันละ 1 พันไร่ หรือ ประมาณ 200 สนามฟุตบอล อันนี้เป็นข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบโดยเครื่อง ของคนทำงานมืออาชีพ อย่างคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยข้อมูลนี้ แสดงให้เห็นทิศทางข้างหน้าว่าจะมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่า สาเหตุหลักของการที่ป่าหายไปมากเช่นนี้เป็นเพราะอะไร นายชีวะภาพ กล่าวว่า มีทั้งนายทุน และชาวบ้าน ที่เข้าไปทำลายป่า อีกส่วนหนึ่งคือการเอาที่ดินไปทำ ส.ป.ก. และ คทช. ซึ่งโครงการนี้ โดยหลักการแล้วถือว่าดี ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีที่ดินทำมาหากิน แต่พวกนี้ก็ยังมีช่องว่าง ที่ทำให้เจตนารมย์ของโครงการเปลี่ยนไป จึงต้องมาทบทวนว่าจะต้องทำอย่างไร จัดการกับพวกที่พยายามใช้ช่องว่างฉกฉวยผลประโยชน์อย่างไร

เมื่อถามว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยานฯ เคยทำให้ป่าไม้ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ นายชีวะภาพ กล่าวว่า ในปี 2560-2561 คนป่าไม้เฮกันมาก เพราะพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นมาถึง 3 แสนไร่ สมัยนั้น มีนายธีรภัทร ประยูรสิทธิ เป็นอธิบดีกรมป่าไม้ และส่งต่อให้นายชลธิศ สุรัสวดี เป็นอธิบดี ต่อ ขณะนั้นมีคำสั่งคสช.เป็นแผนแม่บทแห่งชาติเรื่องการเพิ่มพื้นที่ป่าด้วย

“การเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ ครั้งหนึ่งเราทำได้ โดยตอนนั้น จังหวัดที่พื้นที่ป่าเพิ่มมากที่สุดคือ เพชรบูรณ์ รองลงมาคือ ชัยภูมิ และหลังจากนั้น ป่าก็ลงลงมาอีก แต่เป็นปีละหลักหมื่น แล้วก็มาช็อคหนัก เมื่อปีเดียวลดลง 3 แสนไร่ ซึ่งตอนนี้ป่าไม้เหลือประมาณ 101 ล้านไร่แล้ว” นายชีวะภาพ กล่าวย้ำ