ผู้จัดช่องดัง ยกหนี้ให้ วินัย ไกรบุตร ทั้งหมด เอ๋ ภรรยายันทยอยคืนทุกคน หลายคนซัพพอร์ตโดยสามีไม่ได้เอ่ยปาก ไม่ประสงค์ขอใครยกหนี้ เข้าใจมีภาระ
วันที่ 29 มีนาคม 2567 เอ๋ อรชัญญาช์ ภรรยา เมฆ วินัย ไกรบุตร เผยกับข่าวสดออนไลน์ ถึงกระแสข่าว ป๋าโก๋ ศรีราชา ผู้จัดละครดัง ช่อง7 ยกหนี้ให้ วินัย ไกรบุตร หลังเสียชีวิตว่า
- อ่านข่าว – ไม่เคยเข้าใจรักจะอยู่กับศพได้ไง เอ๋ ไม่คิดตัวเองจะเจอ วินัย ไกรบุตร มาหาหลายคน มีถ่ายคลิป
“ป๋าโก๋ เขาจะทำละครแล้วเขาแอดวานซ์ให้ค่ารักษาพี่เมฆมาจำนวน 300,000 บาทก่อน แล้วนัดกันว่าจะมีการถ่ายละครแล้วก็ให้หักจากค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าตัว
แต่ปรากฏว่าพี่เมฆเขาเสียชีวิต ไม่ได้ถ่าย แล้วพี่ก็คิดว่าจะคืนก็เลยคุยกับป๋าไป แล้วทีนี้ป๋าบอกว่าไม่ แกรักพี่เมฆ แกมายกหนี้ให้ที่หน้างาน”
อันนี้คือหนึ่งในเจ้าหนี้ที่อยู่ในจำนวนยอดที่เคยบอกว่ามีหนี้ 7-8 ล้าน?
“ใช่ ป๋าเขาก็เป็นส่วนหนึ่ง คือพี่เมฆเขาไม่กล้าแอดวานซ์เยอะ เพราะว่าแกมองว่าแกจะถ่ายละครตอนนั้น อันนี้ก็คือตั้งแต่ปีที่แล้ว ตอนนั้นน่ะแกก็มีความหวังและใครๆ ก็มีความหวัง
ด้วยความที่คนรอบตัวเราไม่ได้กลัว เพราะว่าเรามีอสังหาฯ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ประกาศขาย เราอยากได้เงินมาหมุนก่อน แต่เราก็รู้แหละว่าสุดท้ายแล้ว ว่าเราก็ต้องเคลียร์หนี้ในเรื่องของค่าใช้จ่ายอยู่ดี
แล้วเราก็แค่หวังให้เขาหายแล้วมาพักฟื้นแล้วค่อยกลับมาทำงาน แต่ถ้าเกิดมันหนักเราก็แค่ขายที่ เพราะเราก็แพลนกันไว้หมดแล้วว่าเราจะทำอะไรปีนี้ คนรอบตัวคนที่เขารักเรา เขาก็อยากจะช่วย
แม้กระทั่งบางคนที่ไม่ได้มีเหลือเฟือ แต่เขาก็หยิบยื่นมาให้พี่เมฆก่อน ทุกคนที่ให้ คือเราเคยช่วยเหลือกันมาก่อน ตลอดในความเป็นเพื่อนในความเป็นกัลยาณมิตรเราอยู่กันมา 10 กว่าปี
เรามีการช่วยเหลือคนอื่นในช่วงที่เราทำธุรกิจขึ้น เพราะฉะนั้นในช่วงที่เราลง มีแต่คนก็รักเรา บางคนน่ะเขาไม่ได้มีเหลือ เขาก็ให้ เพราะว่าเขาหวังให้พี่เมฆหาย เพราะเราพูดเสมอว่าถ้าสุดท้ายแล้วถ้ามันคืนไม่ทัน
พี่ก็คุยๆ กันหลายๆ คนไว้แล้วนะว่าพี่ก็จะตัดขายที่ที่กระบี่เพื่อเอามาเคลียร์ให้อยู่แล้วก่อนที่พี่เมฆจะเสีย ซึ่งพอมาถึงตอนนี้
บางคนที่เขาเป็นเจ้าหนี้ที่เขาใช้จ่ายจริงๆ คือเขาก็ต้องใช้เงินของเขา พี่ก็พูดให้สบายใจ พูดออกสื่อเพื่อให้รับทราบ มันจะได้ไม่เหมือนอุบอิบ ในรายอื่นๆ ก็คือไล่โทรคุยทุกคนแล้ว”
“พี่ต้องเอ่ยปากก่อนนะว่าพี่ไม่ได้มีความประสงค์ที่จะขอให้ใครมายกหนี้นะ เพราะในส่วนตรงนี้พี่เข้าใจในทุกครอบครัวเลยว่าแต่ละคนมีภาระเหมือนๆ กัน
เพราะว่าตอนที่เขาเมตตาเรา เขาหยิบยื่นให้โดยที่..คือบางเคสเขาหยิบยื่นมา ต้องบอกว่าพี่กับพี่เมฆไม่ได้เอ่ยปากยืมเลย แต่เขายื่นมาให้ก่อน หายแล้วค่อยมาคืน ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเขาก็ไม่ได้โฟลว์
และในวันที่พี่เมฆเสีย พี่อยากให้เขาสบายใจว่าไม่สูญเปล่าแน่นอนที่ช่วยพี่เมฆไว้ พี่อยากบอกไปเพราะว่าอย่างน้อยที่สุดในการที่พี่แถลงคนเขาก็โทรกลับมาหาพี่นะว่า น้องเอ๋ไม่ต้องรีบคืนนะ
ไม่ต้องรีบใช้ ไม่ต้องเครียด แต่พี่ก็อยากจะบอกว่าพี่ในส่วนที่เป็นรายได้จากคอนเสิร์ตก็ดีอะไรก็ดี พี่ก็อยากจะเอาตรงนี้มาเคลียร์หนี้ก่อน
เพราะว่าคนเราเป็นหนี้ไม่มีใครสบายใจหรอก พี่อยากเดินต่อแบบไม่เป็นหนี้ และเขามองอยู่เขาจะได้สบายใจว่าเราทำตามวัตถุประสงค์ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตแล้วว่าเขาอยากจะเคลียร์ให้ทุกคน”
ตอนนี้เริ่มทำธุรกิจหรือยัง?
“ทำแล้วค่ะ ตอนนี้พี่เริ่มทำแล้ว เริ่มดูตลาดเริ่มขยายตลาดเริ่มจะทำโฆษณา เพราะว่าต้องค่อยๆ นะ เพราะว่าตอนเนี้ยพี่ต้องมานั่งลำดับว่าพี่ต้องทำอะไรก่อนอะไรหลัง
แล้วในส่วนหนี้สินของพี่ก็ต้องไปทำเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อเคลียร์หนี้ให้เขา เพราะฉะนั้นก็กลายเป็นว่าเราเคลียร์กับจัดการไม่ได้
พี่ต้องปรึกษาทนายความด้วย ตอนนี้คือมันเยอะไปหมดเลย แต่ว่าเราก็นั่งตั้งสติ ไล่ทุกอันเพราะทุกอย่างมันก็ต้องเร็ว ถ้าช้าไปเราก็จะไม่ทัน”