‘แน็ก ชาลี’ ไหว้ขอโทษ วอนเลิกเปรียบเทียบ หลังเจอปั่น “ลิซ่า-เก๋ไก๋” เลียนแบบ ‘กามิน’ ชี้คนละระดับกับลิซ่า เผยความสัมพันธ์ให้พัฒนาไปเรื่อยๆ ยังไม่ได้เป็นแฟน
หลังจาก ซุปตาร์ระดับโลก ลิซ่า ลลิษา มโนบาล หรือลิซ่า BLACKPINK เปิดช่องติ๊กต็อก แล้วโดนคนที่อ้างตัวเป็นเอฟซี กามิน เข้ามาคอมเมนต์ปั่น ว่า “จะเป็น กามิน ให้ได้เลยใช่ไหม”
ทำเอาชาวบลิ๊งค์ทั้งโกรธและขบขัน เข้าไปตอบโต้จนกลายเป็นประเด็นดราม่าว่าอย่าหาเปรียบเทียบ เพราะลิซ่าเขาไปไกลระดับโลกแล้ว
ล่าสุดเจอ แน็ก ชาลี มาร่วมงาน เจ้าตัวรับว่าเห็นดราม่านี้แล้ว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษ วอนแฟนคลับอย่าเปรียบเทียบ ตนรู้ตัวเองว่าอยู่ในระดับไหน
พร้อมตอบประเด็นที่ เก๋ไก๋ โดนคนที่อ้างตัวแฟนคลับกามิน เข้าไปกล่าวหาว่า ตัดผมหน้าม้าเลียนแบบ โดยแน็กสัญญาว่าจะพยายามเบรกแฟนๆ ที่เกินเลย และทำตัวไม่ดี
พอแฟนคลับเยอะขึ้น มีการเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่น อย่าง “ลิซ่า” กับ “เก๋ไก๋”
“ผมขอบอกว่า ถ้าหยุดการเปรียบเทียบได้ จะเป็นอะไรที่ดีมากเลยนะ เพราะแต่ละคนไม่ได้อยากให้มีใครมีผลกระทบกัน แต่ละเรื่องมันก็ผ่านมาแล้วด้วย ผมรู้สึกว่าไปเปรียบเทียบกับบางคนมันไม่ได้จริงๆ พวกผมไม่ใช่คนหลงตัวเองกัน”
“ผมมันคนละระดับกัน อย่างไปเปรียบเทียบลิซ่า ผมไม่เข้าข้างตัวผมหรือตัวคนที่ผมคุยนะ แต่เราคนละระดับกันจริงๆ ครับ ผมขอโทษแทนด้วย (ยกมือไหว้) ใครที่เอาไปเปรียบเทียบ ชอบใครรักใครก็รักคนนั้นให้สุดๆ น่ารักๆ ไป อย่าเอาไปเปรียบเทียบกัน ตัวผมยังรู้ระดับตัวพวกผมกันอยู่”
เราก็เห็นกระแสดราม่านี้ใช่ไหม?
“ผมเนี่ยเห็น แล้วอันไหนที่ผมเข้าไปเบรกได้ ผมจะกระโดดเข้าไปเบรกเลย ทั้งที่จริงๆ ตัวผมไม่ใช่คนสร้าง ไม่ใช่คนทำให้มันมีกระแส เพราะเราไม่ชอบอะไรที่มันไปพาดพิงใครอยู่แล้ว แล้วมันน่าอายอะ”
“ปกติตัวผมเป็นคนไม่ชอบเปรียบเทียบเรื่องการมีสิ่งของ หรือแม้หน้าตาผมจะหล่อมาก แต่ผมก็ไม่เคยเอาหน้าตาของผมไปเปรียบเทียบที่ไหน (หัวเราะ) แซวเล่นนะ ผมรู้สึกว่าเราอยู่ของเรา ทำของเราให้ดีที่สุด เราสนับสนุนใครได้ มันก็เป็นอะไรที่ดีครับ”
เวลาเห็นอะไรแบบนี้เราเตือนไหม?
“เตือน ผมโดดลงไปคอมเมนต์เลย ลงไปตลอด หรือถ้าวันไหนผมไม่ไหวจริงๆ ก็จะเข้าไปไลฟ์ แล้วก็พูดถึงว่าให้ทุกคนช่วยหยุดพูดถึงบางเรื่องที่มันไม่ควรพูดนะ ที่มันไม่จริงนะ หรือบางเรื่องที่เก็บกดมาก พูดได้ไม่ได้บ้าง เราก็จะมีช่วงเวลาระบายบ้าง ออกจะโดดไปไอจีบ้าง ยูทูบบ้าง ก็ไปหลายๆ ที่ ได้เจอเพื่อนๆ แปลกใหม่ดีครับ”
กระแสในโซเชียล เราคุมไม่หมดอยู่แล้วใช่ไหม?
“มันควบคุมไม่ได้อยู่แล้วครับ มันเยอะมาก แล้วมีคนที่เข้ามาใหม่ๆ อีกเยอะแยะมากมาย ทุกวันนี้ยังมีคนบอกว่าผมเกาะกามิน ซึ่งผมก็ไม่รู้จะเถียงยังไง รู้สึกว่าไม่เป็นไร คนเข้ามาใหม่ เข้ามาเก่า เดี๋ยวเขาก็ช่วยๆ กันแก้ไขเอง แต่ตัวผมก็ทำให้ดีที่สุด ถ้าเราสนับสนุนใครได้ ทำให้ทุกคนมีโอกาสทำงานที่ชอบ เราก็อยากเต็มที่ที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำสิ่งนี้ได้อีกนานแค่ไหนครับ”
กามินรู้ไหมเวลามีดราม่า เราได้บอกไหม?
“ผมไม่ค่อยชอบบอกในเรื่องที่เครียดๆ หรือบางทีเขาก็เป็นคนสร้างเรามาขึ้นมา (หัวเราะ) คือพอเขาพูดภาษาไทยคำไหนออกมาแล้วมันน่ารัก อย่างคำว่า ฉันหิวๆ เขาก็จะชอบพูดซ้ำ เพราะเขาเห็นคนชอบขำกัน แต่พอขำไปขำมา คนซวยคือผม คนแม่งมองว่าผมไม่หาข้าวให้กิน ผมก็โอ้โห (หัวเราะ) หาให้ทั้งวันทั้งคืน”
“เขาน่าจะเป็นนักแสดงคนเดียว ที่คนดูแลเป็น 10 คน มีทุกแผนกการดูแล แม่ผมก็ซื้อข้าวซื้อขนมมาเยอะมาก ทุกคนพยายามเอาของกินของไทยให้เขาได้ลองกิน ตัวเขาชิม แต่ตัวผมเนี่ยกินจริง เมนูโปรดของเขาตอนนี้ก็ทุกอย่าง เพราะกินจนจำชื่ออาหารไม่ได้”
“สิ่งที่เขาย้ำอยู่ตลอด คือสิ่งที่ทำให้เขาอยู่ไทยได้ เรื่องหนึ่งคือเป็นเพราะอาหารด้วย อาหารไทยถูกปากเขา เขาชอบกินเผ็ด ก็พยายามปรับปรุงกันไป นี่ก็ 20 วันแล้ว มันไวมาก ก็ปรับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ”
อีกหนึ่งดราม่า คือมีคนไปคอมเมนต์ถึงเก๋ไก๋เรื่องการตัดผมหน้าม้าว่าเป็นการเลียนแบบกามิน จะเป็นให้ได้เลยใช่ไหม กามิน ส่วนนี้เรามองยังไง?
“ไม่หรอก จริงๆ ผู้หญิงใครก็มีสิทธิ์ตัดผมแบบไหนก็ได้ ใครตัดเป็นแล้วสวยก็ขอให้น่ารักๆ มีความสุข คือจริงๆ เรื่องนี้มันห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว ปล่อยไปเดี๋ยวมันก็เงียบเองครับ ตัวผมเองจะพยายามเบรกทุกๆ คนให้ได้มาก ซึ่งทุกคนก็โดนเยอะ แต่ถ้าเยอะสุดที่โดน ผมว่าเป็นตัวผม แต่ผมก็จะทำหน้าที่ในตัวผมให้ดีที่สุด”
“ผมจะพยายามเบรกทุกคน อะไรที่มันเกินเลยอะไรที่มันไม่ดี คือผมรักแฟนคลับของผม แต่อะไรที่มันผิดพลาดมันเกินเลย ผมไม่เคยสนับสนุนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตัวผม กามิน หรือใคร ผมจะให้ทุกคนปรับไปตามจริงให้มันดีที่สุดให้มันไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น”
แล้วเราจะปรามแฟนคลับเรายังไง?
“คือผมบอกนะครับไม่รู้ว่าผมจะบอกยังไงแล้ว มันก็ทั้งฝั่งเรา ฝั่งเขา หลายๆ อย่างผมรู้สึกว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไปผมเชื่อนะ อย่าไปใส่ใจอะไรแต่ละคนที่มันทำให้รู้สึกไม่ดีเลย มันผ่านมาแล้วก็ขอให้ใช้ชีวิตให้ดี”
ช่วงนี้ออกงานทุกวันเลย?
“ช่วงนี้ต้องขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ทำให้เราได้ทำงาน เป็นอะไรที่ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ก็ต้องขอบคุณลูกค้า ขอบคุณทุกคนที่คอยสนับสนุน แต่ละคนดูเราเหมือนดูเรียลลิตี้ เป็นอะไรที่แปลกดี มาทุกเวลา 2 ทุ่ม คนก็เหมือนได้ดูละคร ส่วนใครที่มีกำลังสนับสนุน ก็ค่อยสนับสนุน ใครที่ไม่มีกำลังสนับสนุนก็ไม่ต้องฝืนซื้อของที่ผมเอามา ผมจะพยายามคัดของที่มันโอเคและดีจริงๆ”
เราเลือกก่อนแล้วใช่ไหม?
“เกือบทุกครั้งครับ บางอย่างเราก็อาจจะไม่ได้เลือกได้ร้อยเปอร์เซ็นต์นะ เพราะเป็นของที่ตัวเขาชอบด้วย หลายๆ อย่าง หลังๆ จะมีของเกี่ยวกับผู้หญิงเยอะขึ้น (ที่ติดต่อมาแล้วรับไม่ได้คืออะไร?) คือต้องบอกว่าสินค้าตอนนี้ มีคนทำเพิ่มมากมายทุกตลาดเลย แล้วมันอาจจะเป็นสินค้าที่ใหม่เกิน”
“บางอย่างผมก็เสียดายนะ เพราะสินค้าใหม่ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่หลายๆ อย่างมันยังดูไม่พร้อม หรือบางสินค้าอาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่เขามีกำลังที่จะจ้าง เราเลยอาจจะยังรับไม่ได้ ก็จะพยายามรับสินค้าที่มีมาตรฐานที่ดี ส่วนใหญ่ผมจะเน้นของที่ใช้ได้จริง และคอยถามเพื่อนๆ ว่ามันใช้ดีไหม”
งานคู่เยอะไหม?
“เยอะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นงานคู่กับกามินตลอด ก็ดี ทำให้เราทำงานแล้วไม่เบื่อไม่เครียด แล้วก็มีความสุขด้วย ชีวิตไม่เคยมีภาพมุ้งมิ้ง น่ารักๆ ก็ดี เก็บไว้ดูตอนแก่ (หัวเราะ) วันนี้ออกงานคนเดียวก็เหงานิดหนึ่ง ไม่หรอก ไม่เหงาแต่เกร็งๆ หน่อย”
กามินบอกว่าเราไม่ต้องทำงานหนักก็ได้ เดี๋ยวเขาทำงานหาเลี้ยงเราได้เอง
“ไม่ได้หรอก สุดท้ายเราก็เป็นผู้ชาย เขาก็พูดเล่นน่ารักๆ เขามีความหวังดี ก็ต่างคนต่างทำงาน ตัวผมก็พยายามหางานให้เขาได้มากที่สุด ก็จะคอยถามตลอดว่าทำไหม หลังเลิกงานจะประชุมกันตลอดว่าไหวไหม ยังอยากทำไหม จะได้แฟร์ๆ กันในการทำงาน”
แฟนคลับเขาเพิ่มขึ้นเยอะมาก
“เยอะมากๆ ก็เป็นอะไรที่ดี ขอให้เขาเป็นคนที่น่ารักๆ แบบนี้ตลอดไป ใครให้ใจเรามา ก็ขอให้เขาเต็มที่กับการให้ใจกลับไป ให้เขาทำตัวน่ารักอย่างนี้ อยู่กับพวกเราไปนานๆ จะได้เห็นการพัฒนาของเขาในการพูดภาษาไทยมากขึ้น ตอนนี้ขายของเก่งมาก เดี๋ยวงานเดี่ยวก็มีแล้ว ไม่ต้องมีผมแล้ว (หัวเราะ)”
ทำงานหนักมีป่วยบ้างไหม?
“ผมกล้าพูดว่าการที่เขาอยู่ไทย เป็นการพักผ่อนที่เยอะมาก ผมเคยคุยกับเขาก่อนเขามา เราเห็นเขานอนวันละ 1-3 ชั่วโมง ไม่เคยเกินนี้ แต่มาไทยเขานอน 10 ชั่วโมง ผมรู้สึกมีความสุขมาก ที่สิ่งที่เราพูดไว้ตลอดว่าดูนะมาไทย ผมจะทำให้คุณได้หลับ 10 ชั่วโมง ตื่นสายๆ ไปเลย ผมว่าเขาน่าจะชอบนะ เราถามย้ำตลอดว่าชอบไหม อยากทำอยู่ไหม”
ที่บอกว่าเขาทำงานเดี่ยวได้แล้ว คืองานอะไร?
“ผมว่าเรื่องหนึ่งที่ทุกคนต้องเปิดใจ คือในอนาคตเขาต้องมีงานเดี่ยวอยู่แล้ว เราต้องสนับสนุนเขาให้เต็มที่ ผมว่างานผู้หญิงมันเยอะกว่าผู้ชาย ถ้าเขามีโอกาสก็อยากให้ได้ ทำให้ดีที่สุด หลายๆ งาน บางสินค้าถ้าเขาถนัดเนี่ย ผมแทบไม่ได้ขายเลย ไปยืนหน้ากล้องยังไม่ได้เลย”
แอบไปถามเขา ขอเป็นแฟน?
“คือผมไม่แอบหรอก จริงๆ หน้ากล้องอ่ะเห็นหลายครั้ง แต่ตอนหลังๆ ผมอาจจะติดเล่นมากเกินไป แต่ว่าผมก็รู้สึกอยากจะจริงจังมากเหมือนกัน คือหลังกล้องผมถามบ่อยมาก แต่ว่าทุกอย่างมันก็ด้วยหน้าที่ทำงานอะไรหลายๆ อย่าง ทุกอย่างมันก็ต้องใช้การพัฒนาไปนั่นแหละ แต่ทั้งนี้เพราะผมโดนเตือนสติ ก็จริงๆ อย่างที่ทุกคนว่า ผมเพิ่งเจอกันแค่ 2 อาทิตย์เอง เราต้องพยายามไม่ไปเร่งหรืออะไรมากเกินไป”
“ถ้าเรามานับความจริง ผมจะคบกับคนคนหนึ่ง ผมคุยเป็นเดือนอาจจะใช้เวลา 6 เดือน 8 เดือน บางคนใช้เวลาเป็นปีคบก็มีนะครับ ผมยังไม่เคยเจอใครที่เร็วมากแล้วคบเหมือนกัน แต่ว่าถ้ามันมีโอกาสก็ดีเหมือนกัน ทุกคนอาจจะเห็นภาพเหมือนรักกันมาก แต่เราเพิ่งเจอกันจริงๆ 20 วันเอง แต่ผมก็ยืนยันว่าเขาใส่ใจทุกๆ อย่าง เขาจริงใจ เราก็จริงใจ แต่ว่าการพัฒนาความสัมพันธ์มันก็ต้องไปเรื่อยๆ เพราะว่าจริงๆ หน้ากล้องเราอาจจะตลกกันบ้าง แต่หลังกล้องเราก็โตๆ กันแล้ว เป็นคนที่อายุ 31-32 คุยกัน”
“เขาก็บอกแล้ว ครบ 100 วัน คือผมก็เอานั่นแหละ เอาตามที่ทุกอย่างมันเป็นจริง คือหน้ากล้องความน่ารักก็ได้เห็น ผมจะคอยฉวยโอกาสที่ข้างหน้ากล้องได้เยอะที่สุด คือเราพยายามทำน่ารักๆ หน้ากล้อง เพราะเรามีโอกาสได้ใกล้ชิด มันก็เป็นอะไรที่มีความสุข ส่วนวันว่าง ถ้าว่างมาเมื่อไหร่เราก็จะไปเที่ยวกัน”
ยกตัวอย่างที่จะขอเป็นแฟนให้ฟังหน่อย?
“จริงๆ ก็พูดเล่นๆ กันหน้ากล้อง เราจะบอกว่าเฮ้ย เราเริ่มต้นกันเลยไหม แต่เรายังพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง จริงๆ ผมว่ามันไม่ได้มีอุปสรรคหรอก เพราะเราก็เห็นหลายคู่ที่คบฝรั่งแล้วสุดท้ายก็ใช้เวลาหน่อยแล้วก็คุยรู้เรื่อง แต่สุดท้ายแล้ว มันจะอยู่ที่เวลา เราไม่ใช่ว่าเป็นเด็กที่วันแรกคบกันแล้วสุดท้ายก็มาเลิกกัน ถ้ามันเรียนรู้กันไปได้ก็ดี ถ้ามีโอกาสได้คุยกันแล้ว ผมจะเริ่มบังคับให้เขาคบผมแล้วล่ะ”