จากกรณีมีเด็กสาว 3 รายที่ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์นานนับเดือน และได้รับการช่วยเหลือออกมา ก่อนแฉพฤติกรรมคนในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดย ดร.คำผอง ตีราษ ประธานอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ภาคอีสาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา ได้ช่วยเหลือหญิงไทย 3 ราย อายุ 25 ปี 1 ราย และเยาวชนวัย 14 ปี อีก 2 ราย ออกมาจากการถูกกักขังของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งเหตุเกิดขึ้นเมื่อ 28 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังทั้ง 3 ราย หายออกจากบ้านไป โดยบอกว่าจะไปทำงานต่างจังหวัด แต่หลังจากนั้นได้วีดีโอคอลกลับมาบอกญาติ ว่าถูกพาตัวอยู่ไปกักขังไว้ในประเทศเพื่อนบ้าน ทางญาติจึงแจ้งความ และมีการประสานงานหลายหน่วยงานจนช่วยเหลือกลับมาได้
ผู้เสียหาย เล่าว่า ได้หางานทางอินเทอร์เน็ต และบังเอิญเข้าไปในเว็บไซต์การพนันออนไลน์ จึงถามข้อมูลผ่านทางเฟซบุ๊ก เบื้องต้นมีงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ตอบไลน์สมาชิก เงินเดือนละ 25,000 บาท จึงชวนกันไปทำงาน จากนั้นก็ขึ้นรถโดยสารเดินทางไปยังด่านพรมแดนจังหวัดสระแก้ว ซึ่งเมื่อไปถึงก็จะมีคนจากประเทศเพื่อนบ้านมารอรับ และพาข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติ และจะมีคนมารอรับเพื่อไปยังสถานที่ทำงาน
โดยในนั้นมีคนไทยนับร้อยนั่งทำงานโทรศัพท์อยู่เต็มตึก พวกตนถูกบังคับให้ทำหน้าที่เป็นคอลเซ็นเตอร์ หากไม่ยอมจะถูกช๊อตด้วยไฟฟ้าทำร้ายร่างกาย แต่หากทำตามก็จะให้เงินเดือนเป็นเงิน 20,000 บาทต่อเดือน หยุดทุกเสาร์อาทิตย์ และใช้โทรศัพท์ได้นอกเวลางานไม่เกิน 4 ทุ่ม โดยขอให้ทำงานแค่ 1 เดือน จากนั้นจะกลับหรือทำงานต่อก็ตามใจ ทั้งหมดจึงจำใจต้องทำตาม ตลอดระยะเวลาที่อยู่ในนั้นจะมีคนที่ไม่ยอมทำตามคำสั่งถูกทำร้ายร่างกายแทบทุกวัน หนักที่สุดก็คือถูกใช้ไม้เบสบอลตีจนหัก ทำให้บาดเจ็บสาหัส
สำหรับวิธีการจะให้โทรไปหลอกปลายสายหลงเชื่อด้วยวิธีการต่างๆ ซึ่งจะได้รับกระดาษพร้อมข้อความประมาณว่า ให้ปลอมเป็นตำรวจโทรไปหาคนไทย บอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาคดีร้ายแรง แล้วสอบถามข้อมูลเบื้องต้น เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและจะยืนยันความบริสุทธิ์ก็จะถูกโอนสายไปยังระบบเอไออีกทอด แต่ไม่รู้ว่าระบบนั้นจะทำอะไรต่อไป เพราะมาถึงขั้นตอนนี้ก็หมดหน้าที่ของตัวเองแล้ว
ซึ่งแต่ละวันต้องโทรอย่างน้อย 500 – 700 หมายเลข หากใครทำไม่ได้ก็จะถูกขายส่งไปที่อื่น โดยมีคนที่อยู่ในนั้นเล่าให้ฟังว่าบางคนก็ถูกนำไปขายตัวหรือบางคนก็ถูกทำร้ายถึงขั้นเสียชีวิตก็มี
หนึ่งในเด็กสาวบอกว่า ต้องแกล้งทำเป็นเชื่อฟัง ทำให้สามารถขอใช้โทรศัพท์ได้โดยลวงว่าจะใช้โทรหาเพื่อนเพื่อชักชวนให้มาร่วมทำงานด้วย แต่ในระหว่างนั้นก็ถือโอกาสโทรแจ้งข่าวญาติเป็นระยะ กระทั่งก่อนวันที่จะถูกนำตัวออกมา