เศรษฐา เปิดใจ เจ็บปวดแพ้เลือกตั้ง แต่จะไม่เป็นคนแพ้ตลอดกาล ประกาศกร้าว จุดประสงค์เดียวในชีวิต พาเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 5 เม.ย.2567 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคเพื่อไทย โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ร่วมปาฐกถาพิเศษเปิดเผยความในใจในฐานะสมาชิกพรรค โดยมีผู้บริหารพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรี สส. มาร่วมการประชุมคับคั่ง
ทั้งนี้ ได้มีการเปิดวิดีทัศน์ที่มีการสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ชูความเป็นผู้นำของ น.ส.เเพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค และนายเศรษฐา ให้สมาชิกในห้องประชุมได้รับชม
จากนั้น นายเศรษฐา ปาฐกถาว่า เรื่องการดำเนินงานการส่งเสริมการลงทุน ตนเดินทางไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จนถูกเปรียบเทียบว่าเป็นแมลงวัน ซึ่งฟังดูแล้วก็ตลกดีเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นสีสันในชีวิต ซึ่งไปสอบถามคณะทำงานของตนได้ว่า การเดินทางไปแต่ละครั้งไม่ได้สบายเลย อย่างไรก็ตาม การลงทุนหลักแสนล้าน นักลงทุนเหล่านี้คงไม่ใช้เวลาเพียง 7 เดือน
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า ในฐานะสมาชิกพรรคเพื่อไทย เป็นน้องใหม่ที่นี่ 13 เดือนเป็นระยะเวลาอันสั้น การต้องเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ตอนอายุ 60 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย 2 วันที่ผ่านมาในการอภิปรายทั่วไปของ สส. ก็เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยคิดว่า ต้องไปยืนบนเวที และต้องถูกต่อว่าในหลายเรื่อง ที่ไม่เป็นความจริง
แต่ก็ต้องกัดฟัน และรับรู้ เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องเจอเรื่องพวกนี้ แต่ไม่เป็นไร ซึ่งหากย้อนกลับไป 13 เดือนที่ผ่านมา ตนได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจาก สส. อายุน้อย ผู้อาวุโสในพรรค ขอบคุณทุกท่านที่ให้การต้อนรับอย่างจริงใจและอบอุ่นที่ดีมาตลอด
“การเลือกตั้งที่ผ่านมา เราแพ้เลือกตั้ง ฟังแล้วบีบหัวใจ แต่คือความจริง เราได้ 141 เสียง จาก 500 เสียง ผมในฐานะสมาชิกพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ก็เจ็บปวด และต้องรับผิดชอบส่วนหนึ่งด้วย ทั้งการเข้าถึงพี่น้องประชาชนไม่เต็มที่ การไม่ไปดีเบต ผมคงไม่มาแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ขอน้อมรับผลที่ออกมากับข้อกล่าวหา แต่ผมเป็นคนที่ไม่แพ้ตลอดกาล”นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า หากไปดูประวัติของตน เชื่อว่าชีวิตตนครบหมดทุกอย่างแล้ว ทั้งครอบครัว ความสำเร็จในการบริหาร แต่การก้าวเข้ามาตรงนี้ เรื่องเดียวที่มีความปรารถนา คือ การนำชัยชนะกลับมาให้พรรคเพื่อไทยอีกครั้ง
“ผมบอกทุกคนว่า ผมต้องชนะเลือกตั้งครั้งต่อไป ไม่มีอะไรที่จะมาทำให้ผมไม่สามารถทำได้ จะทุ่มเทกายและใจ ในอีก 3 ปีครึ่งข้างหน้า เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของทุกคนในพรรค เพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมา มีทั้งความขมขื่น ทั้งการถูกยุบพรรค 2 ครั้ง วาทกรรมที่ถูกต่อว่า ถูกนำมาใช้กับพวกเราทุกคน และตนแม้จะเป็นคนหน้าใหม่ แต่ก่อนหน้านี้ก็มีจิตวิญญาณเหมือนทุกท่าน ความเจ็บปวด ขมขื่นกับเรื่องที่เกิดขึ้นทุกเรื่อง
ซึ่งเราทุกคนในที่นี้ เรามองอนาคตที่สดใสดีกว่า ที่เรามาอยู่ในที่นี้ เรามี 141 เสียง จาก 500 เรามีประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ มีนายกฯ มีรองนายกฯ มีรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ เราควรโฟกัสเรื่องเหล่านี้ แทนที่จะโฟกัสว่าคนอื่นเขามีอะไร พรรคอื่นเขาได้อะไร ควรมองแค่นี้หรือไม่
“วันนี้สนามหญ้าหน้าบ้านเรา อาจไม่เขียวเท่าเขา แต่เรามีปุ๋ย มีน้ำ มีรถตักที่ดีกว่า แทนที่มัวแต่มองไปบ้านเขา ลุกขึ้นมาได้ไหม เอาน้ำมารด เอาปุ๋ยมาเท มาช่วยกันทุกคน เพื่อให้สนามหญ้าบ้านเราเขียวขจีอย่างเขาได้หรือไม่” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวต่อว่า เราต่อสู้กับอดีตที่ขมขื่น เรามีอนาคตที่มีแสงสว่าง แม้วันนี้เราจะมี 141 เสียง แต่ในอนาคตเราจะมีเพิ่มขึ้นอีก เราทุกคนอยากให้พรรคของเราเจริญเติบโต ก้าวหน้าไปได้ด้วยดี เรามีคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะฉายแวว มีผู้นำจิตวิญญาณที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ท่านกลับมาแล้ว
“ผมมีจุดประสงค์เดียวในชีวิต คือการชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไป องค์ประกอบเหล่านี้เพียงพอหรือไม่ที่จะพาทุกท่านไปข้างหน้าได้ ขอให้มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีคนนี้ ตลอดระยะเวลาอีก 3 ปีครึ่ง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กๆ เราจะทำงานหนักอย่างต่อเนื่อง รับฟังประชาชนทุกคน และตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนทุกคน” นายเศรษฐา กล่าว