‘บิ๊กโจ๊ก’ ยัน ‘กำนันนก’ ดิ้นไม่หลุด หลักฐานมัดแน่น เผยตอนสอบ ตำรวจโกหกหมด แต่มีข้อมูลชัดเจน ศาลจึงอนุมัติหมายจับ เผยสาวหมดส่วยสติกเกอร์-ฮั้วประมูล
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 ก.ย.66 ที่บ้านพิษณุโลก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคดียิงตำรวจทางหลวง จ.นครปฐม ว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ให้ประชาชนมีความมั่นใจ ในเรื่องความปลอดภัย ซึ่งตำรวจเองต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันของผู้มีอิทธิพลเหล่านั้น
ส่วนความคืบหน้าของคดีกำนันนก นายกรัฐมนตรี มีความกังวลและห่วงใย โดยให้แนวทางในการขยายผลให้ถึงที่สุดจนถึงตัวสุดท้าย พร้อมยังให้ตรวจสอบเรื่องการทุจริตต่างๆ ในพื้นที่ เช่น การฮั้วประมูล การได้งาน ต้องไปดูให้หมดว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง
กู้ได้แน่ เซิร์ฟเวอร์วงจรปิดบ้านกำนันนก จับภาพจุดโต๊ะจีน ลุ้นชี้ชัดใครสั่งลั่นไก
แฉพฤติกรรม 6 ตร. แบ่งงานเป็นฉากๆ พ.ต.ต.นำปืนห่อผ้าคลุม คุ้มกัน’กำนันนก’หนี
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับตำรวจ รวมไปถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้กำลังสอบขยายผลเพิ่มเติมอยู่ ซึ่งหากผลการสอบสวนออกมา เชื่อมโยงกับใครและใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะออกหมายเรียกและหมายจับต่อไป โดยในช่วงเวลา 18.00 น. ของวันนี้ ตนจะเดินทางไปประชุมความคืบหน้าของคดีที่ สภ.เมืองนครปฐม
เมื่อถามว่า เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่พบจะสามารถกู้ได้หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องใช้เวลา 3-4 วัน ซึ่งเซิร์ฟเวอร์ที่เปียกน้ำตอนนี้แห้งแล้ว สามารถกู้ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ ขอให้ไม่ต้องกังวล
เมื่อถามว่า จะมีการขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกำนันนก จนถึงขั้นอายัดหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ต้องอายัด เพราะไม่เข้าข่ายเรื่องความผิด ซึ่งตอนนี้ได้เอกสารหลักฐานเพิ่มเติม โดยจะต้องตรวจสอบเรื่องการฮั้วประมูล หากเข้าข่ายฐานความผิดฟอกเงิน จะเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ต่อไป ย้ำว่าเหตุการณ์นี้จะต้องมีตำรวจรับผิดชอบอย่างแน่นอน ซึ่งในหลักของกฎหมาย หากพบว่ามีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การไม่รักษาที่เกิดเหตุ และการทำลายวัตถุพยาน จะต้องดำเนินคดี
ในตำรวจจะมี 2-3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุ วิ่งหนีเลย ไม่ทำอะไรเลย อันนี้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ได้ออกหมายจับบางส่วน กลุ่มที่ 2 คือกลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐานและพากำนันนกหนี ส่วนกลุ่มที่ 3 คือกลุ่มที่พาสารวัตรแบงค์หรือคนบาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งกลุ่มนี้จะต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา เดี๋ยวความชัดเจนต่างๆ จะมีเพิ่มขึ้นมากทุกวัน เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีการสอบสวนกันตลอดทั้งวัน
เมื่อถามถึง กรณีที่หลายคนกังวลว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชา อาจทำให้หลายคนกังวลกับการดำเนินคดี พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตำรวจส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในภาค 7 ตำรวจสอบสวนกลาง และตำรวจทางหลวง คดีนี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หากเปรียบเทียบกับคดีของแอม ไซยาไนด์ เนื่องจากพยานหลักฐานในคดีนี้นิ่ง หากไล่เส้นทางการเงิน ตรวจสอบภาพหลักฐานจากกล้องวงจรปิดต่างๆ ก็จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ถึงจะสมบูรณ์
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าตำรวจที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยด้วยกันจะให้ข้อมูล พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าในตอนแรก ตำรวจเขาโกหกหมด ตนก็ย้ำว่าโกหกก็โกหกไป ไม่เป็นไร แต่เรามีการสอบสวนสืบสวน มีข้อมูลที่ชัดเจนอยู่แล้ว จึงสามารถทำให้ศาลอนุมัติหมายจับได้ เพราะศาลเชื่อในพยานหลักฐาน
เมื่อถามว่า มีการโยงไปถึงประเด็นส่วยสติกเกอร์ด้วย จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นแบบนั้นหรือไม่อย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ต้องสอบหมด ทั้งเรื่องส่วย เรื่องฮั้วประมูล พร้อมย้ำว่าหลังเข้าไปพบนายกรัฐมนตรี นายกฯ ก็มีความตั้งใจที่จะปราบปรามมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลให้หมด ให้ตำรวจกลับไปรับใช้ประชาชน “นายกรัฐมนตรีท่านได้บอกว่า ตำรวจต้องไปอยู่กับประชาชน”
ผู้สื่อข่าวถามถึงการสอบปากคำพยานและผู้ต้องสงสัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ทั้งหมดให้ข้อมูลและรับสารภาพไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ให้การตรงอยู่แล้วว่ากำนันนกเป็นคนสั่งการ
เมื่อถามว่า มีข้อสงสัยว่าประเด็นที่พูดคุยกันในโต๊ะอาหาร เรื่องส่วยสติกเกอร์หรือการโยกย้ายตำแหน่งเป็นสาเหตุกันแน่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ประเด็นหลักไม่ใช่เรื่องส่วย แต่เป็นการขอโยกย้ายตำรวจแล้วไม่ให้ก็สั่งยิง พูดง่ายๆ ว่าก็เหิมเกริม อยู่แบบนี้มานาน ผูกพันกับตำรวจในพื้นที่มานานจนกระทั่งเหิมเกริม เพราะฉะนั้น วันนี้ก็ต้องล้างบางเสียที
เมื่อถามย้ำว่า ประเด็นส่วยรูปกระต่าย มีการเชื่อมโยงไปถึงระดับรองผู้บัญชาการ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้กังวล ต้องเรียนตามตรงว่าหากเชื่อมโยงถึงใคร ก็จะดำเนินคดีหมด ต้องทำอย่างตรงไปตรงมาอย่างที่สื่อเห็น ถ้าทำอย่างไม่ตรงไปตรงมาสื่อก็จะรู้ วันนี้มันปิดบังกันไม่ได้ในโลกปัจจุบัน ถ้าใครทำอะไร ไม่ตรงไปตรงมา ไม่สุดทาง มันก็ไปกันไม่รอด
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำกำนันนก ยังให้การภาคเสธ ปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้ให้ นายหน่อง ท่าผา ยิงสารวัตรแบงค์ แต่นายหน่องได้เป็นคนยิงจริง และย้ำว่าคดีนี้กำนันนกดิ้นไม่หลุด