เรียกได้ว่ากำลังกลายเป็นกระแสไวรัลที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ สำหรับชายคนนี้อยู่ในช่วงวัย 30 เดิมทีเขาเคยรับราชการเป็นทหาร แต่ต่อมาได้ตัดสินใจลาออกเนื่องจากเป็นห่วงภรรยาที่มาจากต่างเมือง เขาจึงเป็นฝ่ายย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของเธอแทน
เมื่อไปถึงที่นั่นเขาไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ และไม่ว่าจะพยายามหางานเท่าไหร่ก็แต่หาไม่ได้เสียที ประกอบกับช่วงนั้นลูกสาวคนโตอายุเพียงหนึ่งขวบ ภรรยาที่มีการงานมั่นคงจึงไม่อยากทิ้งงานมาอยู่บ้านดูแลลูก และไม่อยากจ้างพี่เลี้ยงเพราะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงเป็นฝ่ายอยู่บ้านดูแลลูกแทน และรอให้ลูกเข้าอนุบาลจึงค่อยหางานทำ
อย่างไรก็ตาม งานบ้านเหนื่อยกว่าที่คิด เขาที่เป็นพ่อบ้านฟูลไทม์ ต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 มาทำอาหารเช้าให้ภรรยา หลังจากเธอออกไปทำงาน เขาก็เริ่มดูแลลูกสาว ทำอาหารให้ลูก พาลูกออกไปเดินเล่น หลังจากลูกเข้านอน เขาก็ต้องตามทำงานบ้านต่าง ๆ ถ้าลูกตื่น เขาก็รอดูแลลูกต่อไป
กิจวัตรประจำวันทำให้เขาหมกอยู่แต่ในบ้าน แทบไม่มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ไร้ความบันเทิง ไร้เพื่อน เขาได้แต่ตั้งหน้าตั้งตารอภรรยากลับมาจากที่ทำงาน เพื่อนั่งฟังและพูดคุยกับเธอเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในที่ทำงาน
และในที่สุดวันที่เขาตั้งตารอก็มาถึง เมื่อลูกสาวเข้าเรียนอนุบาล เขาคิดว่าตนเองกำลังจะเป็นอิสระจากตำแหน่งพ่อบ้าน โดยไม่คาดคิด ภรรยาได้ตั้งครรภ์ลูกคนที่สอง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะเผยสิ่งที่ต้องการ
จากวันนั้นถึงวันนี้ เขาทำงานเป็นพ่อบ้านมานาน 8 ปี ต้องตื่นมาทำงานบ้านที่ไม่รู้จบในทุก ๆ วัน หลังจากพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์แล้ว เขาก็ยังต้องพาภรรยาและลูก ๆ ไปเที่ยว ไปสัมผัสธรรมชาติและชอปปิ้ง
เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนถึงบอกว่าการเลี้ยงลูกเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาอดตัดพ้อไม่ได้ เพราะมองว่าเขาอยู่ในช่วงวัย 30 ยังเป็นวัยที่มีเอเนอร์จี้และหน้าที่การงานกำลังเติบโต แต่เขากลับต้องมาทำงานบ้าน แม้ว่าเขาจะไม่มีความสุข แต่ก็ไม่สามารถแสดงออกมาให้ภรรยากับลูกเห็นได้ จึงทำได้เพียงระบายออกมาเท่านั้น
ไม่แปลกใจเลยที่บางคนบอกว่าการอยู่บ้านเพื่อดูแลเด็ก ๆ จะทำให้เกิดภาวะซึมเศร้า ชายหนุ่มกล่าว