วันที่ 10 มิถุนายน 2567 นางอุ้ย อายุ 72 ปี ชาว ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.บุญส่ง หวังแอบกลาง รองสารวัตรสอบสวน สภ.หนองบุญมาก ให้เอาผิดกับชายไม่ทราบชื่อที่ว่าจ้างให้หลานสาว คือ ด.ญ เอ (นามสมมุติ) วัย 13 ปี และเพื่อนซึ่งเป็น ด.ช.วัย 13 ปีเช่นเดียวกัน ให้ดื่ม
สุราเพียวๆ คนละครึ่งขวด หากดื่มหมดจะให้เงินค่าจ้าง 1,000 บาท จนเป็นเหตุให้ ด.ญ.เอ หมดสติอาการโคม่า และถูกหามส่งโรงพยาบาลหนองบุญมาก ก่อนจะต้องส่งตัวไปทำการรักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ล่าสุดยังคงไม่รู้สึกตัวอยู่ในห้องไอซียู ท่ามกลางความหวาดวิตกของบรรดาญาติพี่น้อง
โดยญาติของเด็กหญิงเอ ที่ถูกจ้างให้ดื่มสุรา ได้นำคลิปวิดีโอที่มีคนถ่ายภาพเหตุการณ์ช่วงนั้นเอาไว้ มาให้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อใช้เป็นหลักฐาน ด้วย ซึ่งคลิปดังกล่าว เห็นว่ามีกลุ่มชายวัยกลางคนหลายคนกำลังล้อมวงและส่งเสียงเชียร์ให้ ด.ญ.เอและเพื่อน ดื่มเหล้าทั้งขวดอย่างสนุกสนาน จนหมดขวด จากนั้น ด.ญ.เอ ก็ได้เกิดอาการช็อก หมดสติ และถูกนำตัวไป
ยังโรงพยาบาลในเวลาต่อมา หลังรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญบุคคลที่เกี่ยวข้องและเห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำ โดยมี พ.ต.อ.ธนภัทร เพชรอรุณ ผกก.สภ.หนองบุญมาก เข้าร่วมสอบปากคำ พร้อมกับกำชับพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีให้ดำเนินการตามข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมาและเอาผิดกับทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย
จากการสอบถามนางอุ้ย ซึ่งเป็นยายของเด็กหญิง บอกว่า น้องเอ เป็นหลานสาว กำลังเรียนอยู่ชั้น ม.1 วันเกิดเหตุน้องเอ ได้ไปร่วมงานบวชที่วัดแห่งหนึ่งในหมู่บ้านติดกัน ซึ่งน้องเอ จะชอบไปเก็บเหรียญโปรยทานจากขบวนแห่นาครอบโบสถ์ รวมถึงงานศพต่างๆ ในวัด เพื่อนำเงินมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เนื่องจากทางบ้านต้องอาศัยอยู่รวมกันมากถึง 13 ชีวิต มีทั้งผู้สูงอายุ คนพิการ รวมถึงเด็กและเยาวชนอายุมากสุดเพียง 16 ปี อีก 6 คน ซึ่งวันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลา
ประมาณ 15.00 น.วันอาทิตย์ ที่ตนอยู่บ้าน แต่น้องเอ ไปร่วมขบวนแห่นาครอบโบสถ์ กับเพื่อนๆ รุ่นราวคราวเดียวกัน เหมือนเช่นเคย จากนั้นก็มีคนวิ่งมาตามบอกว่าหลานสาวตัวเองน็อกหมดสติ ตอนแรกก็คิดว่าหลานสาวเกิดอุบัติเหตุ จึงรีบไปดูและพากันนำตัวส่งโรงพยาบาล มารู้ทีหลังว่าหลานถูกจ้างให้ดื่มเหล้าจนเป็นเหตุให้หมดสติดังกล่าว ซึ่งอาการล่าสุดตอนนี้น้องยังไม่รู้สึกตัว ยังคงต้องใส่ท่อช่วยหายใจอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาอยู่
จากคำบอกเล่าของชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า วันที่เกิดเหตุมีชายคนหนึ่งได้ว่าจ้างให้หลานสาวและเพื่อนกินเหล้าหนึ่งขวดแบบเพียวๆ หากกินหมดจะให้เงินจำนวน 1,000 บาท คิดว่าหลานสาวคงอยากจะได้เงินมาให้ จึงตกลงรับปาก จากนั้นจึงแบ่งกันกินกับเพื่อนคนละครึ่ง ก่อนที่จะเกิดอาการน็อกหมดสติไปดังกล่าว
นางอุ้ย บอกอีกว่า หากตอนนี้หลานสามารถรับรู้ได้ อยากบอกว่า รู้ว่าที่หลานทำเพราะอยากจะจะได้เงินมาให้ยาย แต่ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ ไม่คิดถึงชีวิตของตัวเองเลยหรือ และอยากฝากให้คนที่จ้างให้น้องกินเหล้า ว่าไม่ควรที่จะทำอย่างนี้ อยากให้มารับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ เพราะชีวิตคนทั้งคนจะมาแลกกับเงินแค่ 1,000 บาท ได้อย่างไร จากนี้ไปก็ยังไม่รู้ว่าหลานสาวจะเป็นอย่างไร
ขณะที่นางวินิดา อายุ 38 ปี แม่เด็กผู้ชายอีกคนที่ถูกจ้างให้ดื่มเหล้า บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง คนที่จ้างเด็กเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรที่จะนำเงินมาล่อใจเด็กเพื่อให้ดื่มเหล้า เพราะเด็กก็อยากที่จะได้เงินอยู่แล้ว ถึงแม้เด็กจะอยากดื่มหรือไม่ก็ตาม ตัวเองในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรสนับสนุนหรือว่าจ้างอย่างนี้ ส่วนตัวรู้สึกว่าโล่งใจที่
ลูกชายไม่เป็นอะไร เพียงแค่เมาแล้วกลับมาเป็นปกติ ซึ่งก็ได้ทำโทษว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว เพราะไม่ได้โทษแค่ผู้ใหญ่คนเดียว ยอมรับว่าเด็กก็มีส่วนผิด แต่อย่างไรผู้ใหญ่ก็ไม่ควรทำเช่นนี้ แต่ในส่วนของเพื่อนลูกชายนั้นทราบว่าอาการยังสาหัสไม่รู้สึกตัว จึงอยากให้คนที่ว่าจ้างออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย
ด้านนางเรณู อายุ 54 ปี ซึ่งอยู่ในขบวนแห่นาคและเห็นเหตุการณ์ในวันนั้น เล่าว่า ตนไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด แต่มาเห็นในตอนที่น้องเอ และเพื่อนกำลังยกขวดเหล้าดื่ม ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังลั่น จึงเข้าไปว่ากล่าวตักเตือน ก่อนที่จะไปร่วมแห่นาคเข้าโบสถ์ แต่เด็กทั้งสองก็ยังไม่หยุด จนกระทั่งมีคนวิ่งมาบอกว่าน้องเอ น็อกหมดสติดังกล่าว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์มาสอบถาม พร้อมกับดูภาพจากคลิปวิดีโอที่ญาติผู้เสียหายนำมาเป็นหลักฐาน พบว่าเหตุการณ์ในคลิปสอดคล้องกับคำบอกเล่าของพยาน จึงมองได้ว่าผู้ที่อยู่ในคลิปมีพฤติกรรมเข้าข่าย “บังคับขู่เข็ญ ชักจูง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิด, ใช้จ้างวานให้เด็กทำงานหรือกระทำการอันอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมถึงจำหน่าย
แลกเปลี่ยน หรือให้สุรา หรือบุหรี่แก่เด็ก มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเด็กอาการสาหัสก็จะมีความผิด ฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่หากเด็กโชคร้ายถึงขั้นเสียชีวิต จะมีความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 2 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามตัวบุคคลในคลิปมาสอบปากคำ หากพบว่ามีความผิดก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด รวมไปถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย