แม้ว่าปัจจุบันตลาดรถใหม่ป้ายแดงจะมีตัวเลือกเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก แถมยังมีราคาจำหน่ายและโปรโมชันที่ช่วยให้เป็นเจ้าของได้ง่ายขึ้น แต่ก็อย่าเพิ่งหลงระเริงไปกับคำพูดหวานๆ ของคนขายที่หว่านล้อมต่างๆ นาๆ เพื่อให้คุณยอมควักเงินดาวน์ซื้อรถคันใหม่ โดยเฉพาะใครที่มีรถอยู่แล้วและยังใช้งานได้ดีอยู่ล่ะก็ ลองไปดู 3 เหตุผลที่ยังไม่ควรรีบเปลี่ยนรถใหม่ตอนนี้ จะมีอะไรบ้าง?
1. เทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ยังพัฒนาได้อีก
แน่นอนว่าหลายคนกำลังคิดจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า เนื่องด้วยเหตุผลด้านความประหยัด และคุณสมบัติหลายอย่างที่หาไม่ได้จากรถสันดาป แต่ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ EV ยังสามารถพัฒนาต่อไปได้อีกไกล อนาคตเราอาจได้เห็นรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลาไม่กี่นาที หรือแบตเตอรี่ที่ขับขี่ได้ไกลเกินกว่า 1,000 กม. ต่อ 1 ชาร์จก็เป็นได้
ขณะที่ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่อย่างญี่ปุ่นก็ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อผลักดันเทคโนโลยีไฮโดรเจนนอกเหนือจากรถยนต์พลังงาน Fuel cell เพียงอย่างเดียว อนาคตอันใกล้นี้เราอาจได้เห็นรถเครื่องยนต์สันดาปที่ใช้ไฮโดรเจนเป็นเชื้อเพลิงออกวางจำหน่ายจริง ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นตัวกำหนดเทรนด์ตลาดรถยนต์ในอนาคต ที่ส่งผลกระทบต่อราคาขายต่อ EV ได้โดยตรง
2. สงครามราคายังไม่จบ
ปัจจุบันค่ายรถยนต์หลายค่าย โดยเฉพาะค่ายสัญชาติจีนที่เน้นทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก ต่างก็เล่นสงครามราคาเพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดให้มากที่สุด แต่กลับทุ่มเทกับบริการหลังการขาย หรือการสต็อกอะไหล่น้อยกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อลูกค้าโดยตรงในระยะยาว เพราะหากซื้อรถมาใช้งาน แต่เมื่อถึงเวลากลับต้องรออะไหล่นานเป็นเดือน ก็จะทำให้เจ้าของรถสูญเสียโอกาสในการใช้งานได้
แน่นอนว่าสงครามการหั่นราคาคงจะไม่จบลงง่ายๆ ตราบใดที่ยังคงมีผู้เล่นหน้าใหม่ทยอยลงสู่ตลาดเรื่อยๆ กระทบไปจนถึงค่ายรถยนต์เก่าแก่จากฝั่งญี่ปุ่นและยุโรปที่ต้องหันมาเล่นเกมราคาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน กลายเป็นวลียอดฮิตในหมู่คนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าว่า “ซื้อก่อนประหยัดก่อน แต่ซื้อทีหลังประหยัดกว่า”
3. เปลี่ยนเพราะ “อยาก”… สู้เก็บเงินไว้ดีกว่า
รถยนต์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ใครที่เลือกใช้วิธีผ่อนก็จะถูกผูกมัดด้วยสัญญาเช่าซื้อไปอีกนานหลายปี แถมเมื่อถึงเวลาขายต่อก็ถูกกดราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดินจนแทบไม่อยากขาย ดังนั้นหากใครคิดที่จะเปลี่ยนรถเพราะ “ความอยาก” ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนเสียก่อน ยิ่งถ้ารถคันเดิมผ่อนหมดแล้วล่ะก็ การบำรุงรักษาให้รถอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานย่อมมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการซื้อคันใหม่อย่างแน่นอน ยิ่งสภาพเศรษฐกิจซบเซาเช่นนี้ด้วยแล้วล่ะก็ หากไม่ได้มีความจำเป็นจะต้องเปลี่ยนรถคันใหม่จริงๆ ก็ควรเก็บคันเดิมไว้ใช้งานต่อจะดีกว่า
เว้นแต่บ้านไหนมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่ม ต้องการเปลี่ยนไปใช้รถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น มีระบบความปลอดภัยมากขึ้น อันนี้ถือว่ารับได้ แต่ก็ควรเลือกรถคันใหม่อย่างรอบคอบ มองให้ไกลถึงการบำรุงรักษาระยะยาว จะได้ครอบครองรถคันใหม่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล
อย่างไรก็ดี เชื่อว่าหลายคนมีเหตุผลนานัปการในการพิจารณาซื้อรถคันใหม่ แต่อย่างน้อยก็ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย ความมั่นคงทางอาชีพการงาน และความจำเป็นในการซื้อ จะได้ไม่เกิดปัญหาตามมาเหมือนกับที่หลายคนถูกยึดรถ เสียเครดิต จะไปทำธุรกรรมอะไรต่อก็ลำบาก เพียงเพราะตัดสินใจซื้อรถในขณะที่ยังไม่มีความพร้อม (จริงๆ) เท่านั้นเอง