พ่อร่ำไห้เคาะโลงลา “น้องอิคคิว” เสียชีวิตแล้ว หลังลูกชิ้นติดคอเป็นเจ้าชายนิทราสู้มา 10 ปี เผยจากนี้ขอทำใจแล้วจะกลับมาทำเพจพร้อมเป็นสะพานบุญผู้ป่วยอื่น
วันที่ 8 กรกฎาคม 2567 มีรายงานว่า จากข่าวดังเมื่อปี 2557 กรณี “น้องอิคคิว” เด็กชาย 7 ขวบ ชาว จ.อุดรธานี เกิดเหตุกินลูกชิ้นปลาติดคอและกลายเป็นเจ้าชายนิทรา ตลอดหลายปีที่ผ่านผู้เป็นพ่อแม่และครอบครัว ต่างดูแลน้องอย่างใกล้ชิด และมีการเปิดเพจเฟซบุ๊ก เพื่อเปิดเผยเรื่องราวตลอดจนอัปเดตอาการของน้อง รวมถึงเป็นสะพานบุญให้กับผู้ป่วยรายอื่น จนมีแฟนเพจประมาณ 6 แสนคน
โดยล่าสุดพ่อตั้มแจ้งข่าวเศร้าว่าน้องอิคคิวจากไปอย่างสงบที่ รพ.อุดรธานี เมื่อเวลา 03.59 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 สร้างความเสียใจให้กับครอบครัวและแฟนคลับจำนวนมาก ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น (อ่านข่าว : โซเชียลเศร้า หลังคุณพ่อแจ้งข่าว “น้องอิคคิว” เจ้าชายนิทรา เสียชีวิตแล้ว)
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดทิพยรัฐนิมิต (วัดป่าบ้านจิก) เทศบาลนครอุดรธานี สถานที่ตั้งศพ นายณัฐ นิมิตเกษม หรือ น้องอิคคิว อายุ 17 ปี โดยมี นายคงศักดิ์ นิมิตเกษม หรือพ่อตั้ม อายุ 46 ปี และ น.ส.อุเทนี เขียวเจริญ หรือแม่ปุ๊ก 43 ปี พ่อและแม่น้องอิคคิว และครอบครัว ได้จัดเตรียมสถานที่เพื่อเตรียมจัดพิธีสวดอภิธรรมศพน้องอิคคิว บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า พ่อตั้มได้เคาะโลงศพบอกลาลูกเป็นครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา ก่อนจัดเตรียมอาหารมื้อแรกหลังจากสิ้นลมตามความเชื่อ เป็นแฮมเบอร์เกอร์ พร้อมเครื่องเคียงครบเซต
นายคงศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา หลังจากทำกิจวัตรประจำวันเสร็จแล้ว และกำลังพยุงตัวน้องมานั่งไอ น้องไอออกมาเป็นเลือดค่อนข้างเยอะ ก็กลัวว่าน้องจะช็อกจึงรีบนำตัวส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าเกิดจากฤทธิ์ยาบ้างตัว ที่ทานติดต่อกันมานาน ทำให้ไปกัดกระเพาะ แต่ไม่ใช่สาเหตุหลักที่น้องจากไป สาเหตุหลักเกิดจากสมองน้องเสียหายตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุลูกชิ้นเนื้อปลาติดคอ มันบอบช้ำ ไม่มีการฟื้นตัว ระบบภายในแย่ลงเรื่อยๆ การถอดท่อเป็นเรื่องยากมากทุกครั้งที่เข้าไอซียู
“เราบอกหมอแล้วว่าไม่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจได้มั้ย เพียงแค่คีพออกซิเจนได้มั้ย แต่ด้วยระบบการรักษา หมอก็จะให้เราเซ็นชื่อยินยอมใส่ท่อช่วยหายใจ อาการแผลในกระเพาะหายตั้งแต่ 3 วันแรกแล้ว แต่ที่ต้องนอนรักษานานขนาดนี้ เพราะเกิดภาวะหายใจเองไม่ได้ เป็นอาการเดียวกันกับตั้งแต่เกิดเหตุแรกๆ แต่ตอนนั้นน้องยังเล็ก มียามีเครื่องมือ ตอนนั้นเราก็ดูแลไม่เป็น ใส่ท่อแล้วถอดไม่ได้ แต่ผ่านมา 10 ปี น้องอายุ 17 แล้ว ร่างกายโตขึ้น หลอดลมยาวขึ้น พวกยาและอุปกรณ์นั้นๆ ช่วยไม่ได้แล้ว หมอเฉพาะทางทำสุดทางแล้ว”
นายคงศักดิ์ เปิดเผยอีกว่า ถ้าเราจะยื้อจะเอาเขากลับมาที่บ้าน ต้องเจาะคอใส่ท่อช่วยหายใจ ก็มองว่าเขาจะเหนื่อยเยอะ ประกอบกับปอดมีการติดเชื้อมากขึ้น จึงยุติการรักษา เพื่อทำให้เขาสบายที่สุดในช่วงท้ายของชีวิต ตามที่เคยบอกพี่พี่แฟนเพจไว้ จนกระทั่งน้องจากไปในที่สุด เราก็อยากจะยื้อเขาไว้ ที่ผ่านมา 10 ปีน้อง ไม่เคยป่วยหนักแบบนี้ จะมีแค่ปีแรกที่เกิดเหตุ เพราะเราก็ยังใหม่ ยังดูแลลูกไม่เป็น ซึ่งวันนี้เป็นพิธีสวดอภิธรรมศพวันแรก จะมีพิธีฌาปนกิจในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมนี้ จากนั้นก็จะนำอัฐิไปลอยอังคาร
“ต้องขอบพระคุณพี่ๆ แฟนเพจที่คอยช่วยเหลือสนับสนุนด้วยดีตลอดมา แฟนคลับน้องต่างก็เสียใจกับน้อง เพราะมาเกิดขึ้นเร็วมาก แต่ก็ต้องเข้าใจว่าน้องไม่ได้แข็งแรงเหมือนเด็กคนอื่น เราและแฟนคลับทุกคนก็ยอมรับได้ในจุดนี้ อยากให้น้องไปสบาย ไม่อยากให้ทรมานอีก น้องได้รับยามอร์ฟีนก็นอนหลับไม่ตอบสนอง ไม่ได้มีอาการตอบโต้ใดๆ ไม่มีเหตุบอกล่วงหน้าว่าน้องจะป่วยหนักจนจากไป แต่มีแฟนคลับท่านหนึ่งทักขณะไลฟ์สดก่อนน้องจะเลือดออกในกระเพาะ พี่เขาทักว่าเห็นผู้หญิงมานั่งอยู่ปลายเท้าน้อง เราก็ฟังหูไว้หู จนน้องต้องเข้าโรงพยาบาล จากนี้ขอทำใจสักระยะ และจะกลับมาให้กำลังใจแฟนเพจ พร้อมกับจะคอยเป็นสะพานบุญให้คนอื่นต่อไป”
ส่วน น.ส.สลิษา นิมิตรเกษม หรือน้องแคร์ อายุ 15 ปี น้องสาวอิคคิว ได้จุดธูปไหว้หน้าศพ พร้อมกับบอกว่า ตอนนี้พี่คิวอยู่วัดบ้านจิก แม่เอาข้าวมาให้กินก็ต้องกินนะ ให้พี่คิวไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ถ้ามีโอกาสชาติหน้า ขอให้กลับมาพบกันอีก ซึ่ง นส.สลิษา เล่าว่า ตนไม่ค่อยมีเวลาดูแลพี่อิคคิว เพราะต้องไปโรงเรียน แต่พอมีโอกาสตนก็จะช่วยป้อนข้าว ถ้าวันไหนมีไข้ก็จะช่วยเช็ดตัวให้ ส่วนใหญ่ก็จะช่วยป้อนข้าว
“อยากบอกพี่อิคคิวว่า ถ้าชาติหน้ามีจริง ให้พี่คิวไปเกิดเป็นอะไรก็ได้ทุกอย่าง มีชีวิตเป็นของตัวเอง แขนที่ไม่ได้ใช้ก็ขอให้ได้ใช้ หยิบทุกอย่างที่อยากได้ ขาที่ไม่ได้ใช้ก็ขอให้ใช้อย่างเต็มที่ ปากที่พูดไม่ได้ขอให้ได้กินทุกอย่าง พูดทุกอย่างที่อยากพูด และหลังพี่อิคคิวจากไป ตนก็จะดูแลกิจการงานช่วยพ่อ”
