September 19, 2024

รวบอดีตโบรกเกอร์เหรียญดิจิทัลสุดแสบ หลอกเหยื่อโอนเหรียญดิจิทัล ซุกกระเป๋าส่วนตัว

 

 

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจค้น กก.2 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุม นายพิเชษฐ์ฯ อายุ 40 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 3240/2567 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียทายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง” สถานที่จับกุม คอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านตำบลศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี พฤติการณ์ สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีผู้เสียหายมีอาชีพในการเก็งกำไรจากการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัล (คริปโตเคอเรนซี่) โดยใช้บริการกับบริษัทโบรกเกอร์แห่งหนึ่งของประเทศไทย ต่อมาได้ถูกคนร้ายหลอกลวง โดยอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัทโบรกเกอร์ดังกล่าว และได้ชักชวนลงทุนกับอีกบริษัทหนึ่งอ้างว่าได้กำไรดีกว่า ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงได้ย้ายไปใช้บริการกับอีกบริษัทดังกล่าว

โดยคนร้ายได้ปลอมบัญชีไลน์ OFFICIAL ของบริษัทขึ้นมาทำการหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินไปโดยอ้างว่าเพื่อขายเหรียญดิจิทัลเก็งกำไร ภายหลังผู้เสียหายไม่ได้รับเงิน จึงทราบว่าถูกหลอกลวง และมาพบพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย จากการสืบสวนทราบว่า กระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้เสียหายได้โอนไปได้มีการยักย้ายถ่ายเทเหรียญดิจิทัลไปกระเป๋าเงินดิจิทัลอื่นๆ จากการตรวจสอบพบมีผู้รับผลประโยชน์คือนายพิเชษฐ์ฯ โดยนายพิเชษฐ์ฯ เคยทำงานที่บริษัทโบรเกอร์แลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลก่อนถูกให้ออกจากงาน และยังพบว่ามีประวัติคดีในข้อหาฉ้อโกง โดยข้อมูลหลายส่วนพอยืนยันได้ว่านายพิเชษฐ์ฯ เป็นผู้เกี่ยวข้องในการกระทำความผิดจริง ต่อมาพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับต่อศาลอาญา

โดยศาลได้ออกหมายจับตามหมายจับศาลอาญาที่ 3240/2567 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจจจึงได้ทำการสืบสวน จนกระทั่งทราบว่านายพิเชษฐ์ฯ ได้หลบหนีไปกบดานที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี จึงได้ออกสืบสวนและเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณคอนโดดังกล่าว จนกระทั่งพบนายพิเชษฐ์ฯ เดินลงมาจากคอนโด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แสดงตัวและจับกุมผู้ต้องหา ตามหมายจับดังกล่าว และได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่ใช้ในการก่อเหตุ เป็นของกลางในคดี จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงาน สอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายพิเชษฐ์ฯ ให้การรับสารภาพว่าได้กระทำความผิดในคดีนี้จริง โดยก่อนหน้านี้เคยทำงานที่บริษัทโบรกเกอร์ในการแลกเปลี่ยนเหรียญดิจิทัลแห่งหนึ่งของประเทศไทย ภายหลังบริษัทตรวจสอบพบมีพฤติกรรมในการฉ้อโกงจึงให้นายพิเชษฐ์ฯ ออกจากงาน ต่อมาผู้เสียหายซึ่งเป็นลูกค้าบริษัทโบรกเกอร์ที่นายพิเชษฐ์ฯ เคยทำงานได้โทรมาสอบถามปัญหาในการใช้บริการ นายพิเชษฐ์ฯ จึงได้สบโอกาสสวมรอยเป็นพนักงานบริษัทดังกล่าวชักชวนผู้เสียหายไปใช้บริการกับอีกบริษัทโบรกเกอร์หนึ่ง

โดยได้ปลอมไลน์ OFFICIAL ขึ้นมาแล้วสนทนาหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินดิจิทัลมาที่กระเป๋าดิจิทัลของตนเองก่อนจะโยกย้ายถ่ายเทเหรียญดิจิทัลออกไปเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินไทยมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการจับกุม นายพิเชษฐ์ฯ ได้เตรียมยาเบื่อหนูไว้เพื่อที่จะจบชีวิต เนื่องจากเครียดที่เสียพนันและต้องการหลบหนีความผิด สอบถามปากคำผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าว กรุงเทพมหานคร

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *