สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์พบเบาะแสความเดือดร้อนของประชาชน ว่ามีนายทุนปล่อยเงินกู้นอกระบบได้โพสต์ประจานลูกหนี้ ทำให้เกิดความอับอายและได้รับความเสียหายจำนวนหลายราย โดยลูกหนี้ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านทั่วไปที่หาเช้ากินค่ำ โดยทราบว่า นายทุนดังกล่าวคิดดอกเบี้ยที่สูงมากถึงร้อยละ 240 ต่อปี นอกจากนี้ ยังมีการยึดทรัพย์สินที่ชาวบ้านต้องใช้ประกอบอาชีพไว้เป็นหลักประกันในการชำระหนี้อีกด้วย เช่น หากต้องการกู้เงิน 30,000 บาทต้องนำรถกระบะมาวางเป็นหลักประกัน เป็นต้น และหากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามที่ตกลง ก็มักถูกประจานหรือถูกตามข่มขู่อีกด้วย
ตามนโยบาย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่ให้ความสำคัญกับการปราบปรามหนี้นอกระบบ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดเร่งระดมกวาดล้างผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบโดยเด็ดขาด พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 จึงได้ส่งทีมสืบสวนลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อติดตามพฤติกรรมกลุ่มเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรงในการทวงหนี้ ที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบประชาชน จนพบข้อมูลของกลุ่มนายทุนที่กล่าวมาข้างต้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2567 พ.ต.อ.กฤษดา มานะวงศ์สกุล ผกก.1 บก.สอท.5 พ.ต.ท.อุดม อิสโร สว.กก.1 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวน พบข้อมูลว่ามีผู้ใช้บัญชี Facebook ชื่อ “นาดา น้องฮันน่า” ได้โพสต์ประจานลูกหนี้โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงและเสียหาย จึงได้ทำการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบตัวผู้ที่ใช้บัญชีดังกล่าว ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน และมีพฤติกรรมร่วมกันปล่อยเงินกู้ในจังหวัดกระบี่ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกระบี่ เข้าตรวจค้นบ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
จากการตรวจค้นภายในบ้านพบ นายจรัญ อายุ 47 ปี และ น.ส.นุชรินทร์ อายุ 35 ปี พักอาศัยอยู่ด้วยกันภายในบ้าน และสามารถตรวจยึดของกลาง อาทิเช่น
1. อาวุธปืนพกสั้น ยี่ห้อ Norinco ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก
2. อาวุธปืนพกสั้น แบบลูกโม่ ยี่ห้อสมิทแอนด์เวสสัน ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก
3. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไททัน สีดำ จำนวน 2 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
4. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค จำนวน 1 คัน พร้อมเอกสารการรับจำนำจากลูกหนี้
5. หนังสือสัญญากู้ยืมเงิน จำนวน 4 ฉบับ
6. หลักฐานการกู้ยืมเงินของลูกหนี้ ภายในโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหา จำนวน 16 ราย ยอดเงินตั้งแต่ หลักพันถึงหลักแสน คิดอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ร้อยละ 240 ต่อปี
7. เงินสด มูลค่า 353,460 บาท
เบื้องต้น น.ส.นุชรินทร์ ยอมรับว่า ตนและสามีได้ปล่อยเงินกู้ให้กับชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง จ.กระบี่ มาสักระยะหนึ่งแล้ว โดยในการให้กู้ ลูกหนี้ต้องนำทรัพย์สินมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งส่วนมากจะเป็นรถยนต์และอาวุธปืนซึ่งของกลางที่ตำรวจตรวจยึดได้ก็เป็นของลูกหนี้ที่นำมาวางเป็นหลักประกันไว้เช่นเดียวกัน
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งสองว่า “ร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ร่วมกันประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตัวนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน