ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี สั่ง คู่กรณี “จูน” ภรรยา “หนุ่ม กะลา” ให้จ่าย 4 ล้าน จากที่ฟ้องไป 10 ล้าน เยอะสุดในประวัติการณ์ เจ้าตัวพอใจคำตัดสินศาล
จากกรณีที่ จูน เพ็ญชุลี ภรรยาของนักร้องชื่อดัง หนุ่ม กะลา ตัดสินใจเดินหน้าฟ้องร้องสาวมือที่สาม และศาลได้รับฟ้องเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566 โดยทางด้าน จูน ได้เรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนสิบล้านบาท
ล่าสุด เมื่อวันที่ 17 มกราคม 67 ทนายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ หรือ ทนายพัฒน์ และคุณจูน เพ็ญชุลี ภรรยาหนุ่มกะลา ได้เดินทางมาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดลพบุรี เพื่อไกล่เกลี่ย ค่าเสียหายคู่กรณี
ส่วนคู่กรณีไม่มา แต่ทนายความของคู่กรณี ส่งเสมียนมาฟังการพิจารณาของศาล และศาลได้มีคำสั่งให้ คู่กรณี จ่ายให้คุณจูนเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านบาท
ส่วนคุณจูน ก็บอก พอใจในคำตัดสินของศาล แต่ก็จะต้องคอย ฟังว่า จำเลยจะมีการอุทธรณ์ฎีกาหรือไม่ ถ้าจำเลยไม่ชำระตาม คำพิพากษาของศาล เมื่อถึงที่สุดแล้วก็ต้องมีการบังคับคดี
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่าง หนุ่ม กะลา ก็ยังมีความสัมพันธ์ยังไม่ได้หย่ากัน ก็มีความสัมพันธ์ระหว่าง เป็นพ่อและแม่ของลูกที่ดี ได้มีการคุยกันกับคุณกะลาก่อนหน้านี้แล้ว ว่าจะทำอะไร ทำหน้าที่พ่อแม่แต่ความสัมพันธ์ไม่เหมือนเดิม
โดย ทนายพัฒน์ ก็ได้โพสต์ข้อความสรุปคำพิพากษาเอาไว้ว่า “คำพิพากษาวันนี้โดยให้เหตุผลสรุปรวม ๆ ได้ว่า ประเด็นว่า จำเลยกระทำผิดหรือไม่ เหตุผลคือ มีตัวโจทก์เบิกความพร้อมพยานเอกสารที่เป็นภาพถ่าย
รวมถึงคลิปวิดีโอที่จำเลยกับสามีโจทก์แสดงออกต่อคนทั่วไป มีการไปเที่ยวด้วยกัน มีการไปเลือกซื้อสินค้า
รวมถึงจำเลยเคยพูดกับพี่สาวของจำเลยรับว่า คบหากับสามีโจทก์มาแล้ว 2 ปี จึงรับฟังได้ว่า จำเลยแสดงตนโดยเปิดเผยกับสามีโจทก์ อันทำให้โจทก์มีสิทธิ์เรียกค่าทดแทนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1523 วรรคสอง
ประเด็นเรื่องค่าเสียหาย เหตุผลคือ โจทก์สำเร็จการศึกษาในระดับชั้นปริญญาตรีและประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัท โจทก์กับสามีโจทก์มีการแต่งงานตามประเพณีมีสินสอด 1 ล้านบาท ในการแต่งงานมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ทั้งก่อนเกิดเหตุครอบครัวของโจทก์มีความสุขดี
แต่ต่อมาทำให้ครอบครัวแตกแยก ขาดความรักความอบอุ่น ถึงขั้นต้องรักษาพยาบาล เมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แล้ว จึงกำหนดค่าทดแทนให้จำเลยชำระแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน 4,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยตามกฏหมาย (ผมสรุปได้เท่านี้ เพราะต้องคัดคำพิพากษาฉบับเต็มอีกครั้งครับ)
เรื่องนี้เป็นวิทยาทานให้แก่สังคมโดยรวมครับ ต่อไปก็รอดูว่าจำเลยจะอุทธรณ์ตามสิทธิ์ของจำเลยหรือไม่นะครับ ถ้าถึงที่สุดเมื่อไหร่ก็บังคับคดีตามกฎหมายต่อไป”
