การกตัญญูมีหลายวิธี! หลานสาวสองเปิดใจ บวชหน้าไฟไม่ได้ เนรมิตงานศพ รำส่งยายขึ้นสวรรค์
จากกรณีผู้ใช้ติ๊กต็อก “yammii_o” โพสต์คลิปเรื่องราวสูญเสียคุณยาย แต่ไม่สามารถบวชให้ได้ เลยต้องรำหน้าศพแทน ทำเอาชาวเน็ตแห่ชื่นชมเพียบ
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 29 ม.ค.67 คุณปภาวรินทร์ ขันน้อย หรือแยม เปิดเผยกับ “ข่าวสดออนไลน์” ระบุว่า ตนเพิ่งเสียคุณยายไปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคุณยายป่วยมาสักพักแล้วแต่ยังไม่ได้โคม่าอะไร
มาก พอถึงเช้าวันที่ 1 ม.ค. คุณยายมีอาการหนักขึ้น ซึ่งตอนนั้นตนอยู่ที่พัทยาที่บ้านโทรมาแจ้งเรื่องของยายก็เลยรีบกลับภายในวันนั้นเลยเพื่อดูใจคุณยาย ซึ่งขับรถนานกว่า 8 ชั่วโมง เพื่อกลับบ้านไป จ.สุรินทร์
วันนั้นตอนกลับไปถึงที่บ้านประมาณ 22.00 น. ก็ได้พูดคุยกับคุณยาย แต่คุณยายพูดไม่ได้แล้ว อ่อนแรง แต่ยังคงคงลืมตามาดูหน้าหลาน ได้พูดคุยกันและคืนนั้นตนก็นอนกับคุณยาย ซึ่งตนนอนกับคุณยายมาตั้งแต่
เด็ก จนเรียนจบ ม.6 ก็ยังคงนอนกับคุณยายอยู่ เพิ่งเริ่มแยกจากยายตอนเข้ามหาลัย เพราะว่าต้องไปอยู่ที่หอ และตอนมาทำงาน ก็เลยความผูกพันกับคุณยายมากๆ
ระหว่างนั่งรถไปเดินทางกลับบ้าน ตนก็ร้องไห้ตลอดเวลากว่าจะถึงบ้าน พอถึงเวลาที่เขาจากไปแล้วจริงๆ ตนคิดว่าคุณยายก็คงไม่ได้อยากเห็นตนโกนหัวหรือ
ว่าห่มผ้าเหลืองแน่นอน เพราะตนเป็นสาวประเภทสอง ยายก็คงไม่อยากเห็นตนมานั่งร้องไห้เสียใจในวันสุดท้ายที่เขาจากไปแล้วต้องส่งเขาขึ้นสวรรค์
ตนเลยตั้งใจจะรำเเสดงโชว์ในงานของยาย ซึ่งตั้งแต่เด็กๆ ตนเกิดมาเป็นสาวประเภทสอง คุณยายยอมรับมาโดยตลอด ไม่เคยห้าม ไม่เคยดุหรือด่า มีแต่
สนับสนุน เพราะว่าตนชอบและรักในการเต้น การรำ การแสดงอยู่แล้ว ซึ่งคุณยายรู้ดีว่าตนชอบอะไรแบบนี้มาก
กระทั่งตอนเรียนจบมาก็เป็นเมคอัพอาร์ติสและเป็นช่างแต่งหน้าทำผม คุณยายก็รู้มาโดยตลอดว่าตนรักสวยรักงาม ในวันงานญาติผู้ใหญ่หลายคนก็มาถามว่า
ตนจะบวชไหม แต่ยายอีกคนที่เป็นน้องสาวของคุณยายคนที่เสียก็บอกว่า ถ้าเกิดว่าไม่บวชก็อยากให้มีการแสดงให้ยายดูเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนส่งยายขึ้นสวรรค์
ตอนนั้นตนจึงตั้งใจว่าจะทำทุกอย่างที่ตนทำได้เพื่อทดแทน ตั้งแต่จัดดอกไม้หน้ารูป จัดงานตกแต่งสถานที่ก่อนเผา และวันที่ส่งคุณยายขึ้นสวรรค์ครั้งสุดท้ายตนก็แสดงรำหน้าไฟ ได้ใช้ความรู้ความสามารถของ
ตัวเองให้ได้ดีที่สุด เพราะหลายครั้งต่อหลายครั้งที่ตนไปแสดงที่อื่นหรือไปประกวดตามงานต่างๆ ตนแต่งหน้าทำผมจบงานตนก็เปลี่ยนชุด ไม่ได้กลับบ้านมาให้คุณยายเห็นในมุมที่สวยงามแบบนั้นเลยสักครั้ง
วันนั้นคิดว่าเป็นวันสุดท้ายที่จะทำได้ก็เลยคิดว่าจะทำแล้วหวังว่าคุณยายที่ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์จะได้เห็นว่าตนทำทุกอย่างเพื่อคุณยายอย่างเต็มที่ที่สุด เอาความสามารถทุกอย่างที่ได้รับมาส่งไปถึงคุณยาย ในตอนที่รำอยู่ ถึงตนจะเสียใจแค่ไหน ตนอยากจะร้องไห้แค่
ไหน แต่ก็ต้องเก็บเอาไว้เพราะอยากทำออกมาให้ดีที่สุด เพื่อส่งให้ยายดูว่าตนทำได้ดีและมีความสุขกับชีวิตที่ยายสนับสนุนแบบนี้มาโดยตลอด ซึ่งยายเป็นคนที่ค่อนข้างอารมณ์ดีเป็นคนรักสวยรักงามเขาจึงได้สนับสนุนหลานมาตั้งแต่เด็กจนโตเลย
และระหว่างที่คุณยายมีชีวิตอยู่ ตนก็ทำหน้าที่หลานเต็มที่ ก็เลยไม่ได้มีอะไรเสียดาย ว่ายังไม่ได้พาทำอะไรหรือพาไปไหน เสียดายแค่ช่วงเวลาที่ตนไม่ได้กลับไปดูแลเขาตอนที่เขาป่วยหนัก เพราะตนก็ต้องทำงาน มีหน้าที่รับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้เพิ่งผ่านช่วงเวลาสูญเสียมาได้ไม่นานตนยังนึกถึงคุณยายอยู่ตลอด
เวลา ยังคิดถึงยายอยู่ตลอด บางวันตื่นมาเคยวิดีโอคอลหายาย ทุกวันนี้โทรไปไม่มียายแล้ว มันก็มีความรู้สึกคิดถึงขึ้นมา หรือบางทีเลื่อนคลิปต่างๆ ในโซเชียลเจอคุณยายคนอื่นก็นึกถึงยายตนขึ้นมาบ้าง
โดยเฉพาะความรู้สึกในวันที่ตัดสินใจทำคลิปออกมา ทั้งตัดคลิปไปด้วยร้องไห้ไปด้วย เพราะว่าต้องมาเลื่อนดูคลิปวิดีโอเพื่อนำมาประกอบก็ยังคงนึกถึงบรรยากาศในวันงานวันนั้นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งครั้งนี้เป็นการสูญเสียบุคคลครั้งแรกในครอบครัวตั้งแต่เกิดมา ก็เลยยังปรับตัวไม่ได้เท่าไหร่แต่ก็ต้องทำงานของตน
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับครอบครัว ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทองหรือว่าข้าวของอะไรเลย คนที่เขาเป็นห่วงเรารักเราที่สุด รอเราอยู่ที่บ้าน ในความเป็นจริงแล้วเขาอาจแค่อยากจะเจอหน้าเรา พูดคุยกับเรา อยากกินข้าวกับเรา ในวันที่มีเวลาว่างไปหาเขา ตนอยากให้ทุกคนแบ่งเวลากลับไปเจอครอบครัว กลับไปเจอคนที่รัก ถึงแม้จะเป็นเวลาสั้นๆ ได้พูดคุยกัน ได้กินข้าวกันถามสารทุกข์สุกดิบก็น่าจะดีกว่าผ่านโทรศัพท์