November 22, 2024

กรมอุทยานฯ สั่งตั้งคกก.สอบ รถแสวงบุญลงเขาคิชฌกูฏคว่ำ นักท่องเที่ยวดับ 1

 

กรมอุทยานฯ สั่งตั้งคณะกรรมการสอบ รถแสวงบุญลงเขาคิชฌกูฏคว่ำ นักท่องเที่ยวดับ 1 บาดเจ็บ 9 ราย หากพบประมาทให้เอาผิดตามกฎหมาย

วันที่ 29 ก.พ. 2567 นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) กล่าวถึงเกิดอุบัติเหตุรถยนต์บริการในงานประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาท (พลวง) เขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี พลิกคว่ำ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น ได้รับรายงานจากนายชวินทฐ์ ปิ่นแก้ว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ว่ารถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุคือรถยนต์บริการคิวรถวัดพลวง

ทราบชื่อคนขับ คือ นายทศพร เสาวพงศ์ อายุ 30 ปี ขับรถยนต์โตโยต้า (ป้ายแดง) ทะเบียน ก-3948 จันทบุรี คิวรถยนต์บริการคิววัดพลวงเบอร์ที่ 77/2 ประสบอุบัติเหตุพลิกคว่ำ บริเวณเนินไทร ในเส้นทางลงเขา ห่างจากด่านเก็บค่าบริการหน่วยพิทักษ์ฯ ที่ คก.1 (พระบาทพลวง) ประมาณ 600 เมตร มีผู้โดยสารจำนวน 10 ราย เป็นชาวต่างชาติ 3 ราย (ชาวรัสเซีย) ชาวไทย 7 ราย บาดเจ็บ 9 ราย และเสียชีวิต 1 รายทั้งนี้ หัวหน้าอุทยานฯ ได้เดินทางไปยังโรงพยาบาลเขาคิชฌกูฏ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีและโรงพยาบาลสิริเวชจันทบุรี เพื่อติดตามอาการของผู้ประสบเหตุ เบื้องต้นผู้ประสบเหตุถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเขาคิชฌกูฏ (โรงพยาบาลในพื้นที่) เพื่อประเมินอาการและปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ส่วนบางรายถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรีและโรงพยาบาลสิริเวชจันทบุรี ต่อมาในเวลา 12.30 น.ทางแพทย์แจ้งว่าสามารถกลับบ้านได้แล้ว 7 ราย เหลืออีก 2 ราย คือ น.ส.นฤมล ผ่องวรรณ พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี และ Mrs.Lilila Gabdnakhmanova พักดูอาการที่โรงบาลสิริเวชจันทบุรี

นายก้องเกียรติ เต็มตำนาน ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 2 (ศรีราชา) ได้ประสานไปยังผู้ประกอบการรถยนต์บริการคิวรถวัดพลวงและคิวรถวัดกะทิง เพื่อกำชับมาตรการด้านความปลอดภัย โดยให้พนักงานขับรถยนต์บริการ ขับรถด้วยความระมัดระวังและหมั่นตรวจเช็คสภาพรถยนต์และคนขับให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอและได้ออกมาตราการให้คิวรถยนต์บริการ ดำเนินการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ช่วงล่าง เบรก และรายการที่เกี่ยวข้องโดยละเอียด โดยอุทยานฯ จะดำเนินการกวดขันอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างในครั้งนี้ขึ้นอีกทั้งนี้ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฏ ได้กำหนดมาตรการควบคุมการให้บริการรถยนต์ในการรับ-ส่งผู้แสวงบุญ ดังนี้ รถยนต์บริการรับ-ส่งผู้แสวงบุญ เป็นรายชื่อเดิมหรือรายชื่อทดแทนที่ได้รับมอบอย่างถูกต้อง มีเอกสารมาแสดง โดยอ้างอิงจากบัญชีรายชื่อที่จัดทำไว้เมื่อ ปี 2559 จำนวน 142 คิว ได้รับอนุญาตจากทางอุทยานฯ

โดยต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนเจ้าของคิวพร้อมเอกสารรถแต่ละคันกับทางอุทยานฯ และต้องมีสติ๊กเกอร์คิวรถ/หมายเลขติดรถ มีสภาพพร้อมที่จะใช้งานตามเกณฑ์กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ โดยต้องผ่านการตรวจสภาพจากอู่หรือศูนย์บริการรถยนต์ที่เชื่อถือได้ (การตรวจสภาพก่อนเริ่มงานประเพณีฯ และมีการตรวจสภาพทุก 7 วัน)

มีการประกันภัยสำหรับผู้แสวงบุญ กรณีเกิดอุบัติเหตุ กำหนดให้บรรทุกผู้แสวงบุญได้ คันละ 10-12 คน ชำระเงินค่า “บัตรบริการให้ความสะดวกต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติ สำหรับ ยานพาหนะ” ในอัตรา 30 บาท/คิว/วัน

ส่วนพนักงานขับรถยนต์ มีข้อกำหนดต่างๆ เช่น มีใบอนุญาตขับรถ, ได้รับอนุญาตจากอุทยานฯ โดยต้องยื่นเอกสารแสดงตัวตนพร้อมใบอนุญาตขับขี่กับทางอุทยานฯ และต้องมีบัตรประจำตัวคนขับรถ ,ไม่เสพสารเสพติด/ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และต้องมีสภาพร่างกายพร้อมที่จะปฏิบัติงาน โดยจะมีการสุ่มตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด/ปริมาณแอลกอฮอล์, พักผ่อน ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 10 ชั่วโมง (มีสมุดลงชื่อ – เวลาที่ปฏิบัติงาน) เป็นต้น

สำหรับหากกรณีมีการฝ่าฝืนเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น จะพิจารณาลงโทษตามฐานการกระทำผิด โดยพิจารณาเป็นกรณีไป ดังนี้ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร, ให้หยุดรถรับ-ส่งผู้แสวงบุญ (7 วัน), ตัดรายชื่อออกจากพนักงานขับรถ (ยกเลิกสิทธิ์ในการขับรถ)

นายอรรถพล กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีอุบัติเหตุดังกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวของผู้เสียชีวิตมา ณ โอกาสนี้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนหาข้อเท็จจริงของการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากเกิดจากความประมาทของคนขับให้ยกเลิกสิทธิ์ในการวิ่งรถบริการนักท่องเที่ยวได้ทันทีและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *