โรงเรียนทวงค่าเทอมหลาน 1,000 หนุ่มตัดสินใจแบกทีวีไปจำนำ 6 แห่ง ไม่มีที่ไหนรับ ตัดพ้อไม่แปลกใจทำไมเงินกู้นอกระบบถึงเต็มเมือง
ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจาก นายภาคิณ ธรพิริยณ์ อายุ 43 ปี ชาวปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่า เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา โรงเรียนของหลานชายได้ทวงค่าเทอมที่ค้างชำระ และให้จ่ายค่าเทอมในวันนั้นทันที
แต่เนื่องจากตนเงินเดือนยังไม่ออก จึงตัดสินใจนำโทรทัศน์แบบสมาร์ททีวี ขนาด 40 นิ้ว ไปจำนำหาเงินมาจ่ายค่าเทอมหลาน 1,000 บาท ปรากฏว่าเมื่อนำทีวีไปจำนำที่โรงรับจำนำของเอกชน กลับถูกปฎิเสธ
โรงรับจำนำอ้างว่า ต้องมีกล่องใส่ทีวีมาด้วย ตนจึงพยายามขอความเห็นใจว่าโทรทัศน์ตนซื้อมาในราคา 15,000 บาท ขอจำนำเพียง 1,000 บาท เพื่อนำเงินไปจ่ายค่าเทอมให้กับหลาน สุดท้ายทางโรงจำนำแห่งนี้ก็ไม่ยอมให้ตนจำนำทีวี
หลังโรงจำนำเอกชนรายแรกไม่รับจำนำ ตนตัดสินใจนำทีวีไปจำนำต่อที่โรงรับจำนำของรัฐในพื้นที่ปากเกร็ด แต่ยังถูกปฎิเสธมาอีก โดยอ้างว่าราคาทีวีในช่วงนี้ราคาตกจึงไม่รับจำนำแล้ว สุดท้ายตนตระเวนนำทีวีไปตามโรงรับจำนำทั้งเอกขนและรัฐอีก 4 แห่ง รวม 6 แห่ง แต่ไม่มีที่ไหนรับจำนำเลย
ตนสงสัยว่า โรงรับจำนำเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนจนในสังคมนี้ ทำไมถึงเลือกที่จะปฎิเสธให้ความช่วยเหลือกับเงินแค่ 1,000 บาท ทั้งที่โรงรับจำนำมีกำไรจากดอกเบี้ยที่รับจำนำ และหากคนที่นำของไปจำนำแล้วไม่มาไถ่ถอน โรงรับจำนำนำไปขายต่อได้กำไรอยู่ดี ตนจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมธุรกิจเงินกู้นอกระบบ เงินกู้รายวันถึงได้มีเต็มบ้านเมืองไปหมด เพราะกู้ง่าย ไม่ยุ่งยากอะไร ไม่ต้องมีเหตุข้ออ้างอะไร
สุดท้ายตนแบกทีวีกลับมาบ้านเช่า เสียทั้งเวลาและค่าน้ำมันโดยไม่ได้อะไร ตนจึงเลือกแก้ปัญหาด้วยการไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาจ่ายค่าเทอมให้กับหลานชายไปก่อน โดยเสียดอกเบี้ยพันละห้าสิบบาท
นายภาคิณ กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลช่วยดูแลปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของคนจน คนรากหญ้าให้ดีกว่านี้ ของแพง น้ำมันแพง ค่าครองชีพแพงไปหมด ไม่มีใครคนไหนหรอกถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ แล้วจะเดินเข้าไปในโรงรับจำนำ แล้วโรงรับจำนำซึ่งเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนจนกลับปฎิเสธความช่วยเหลือ กลับสร้างเงื่อนไขเยอะจนคนจนเข้าไม่ถึงความช่วยเหลือ