วันที่ 3 มี.ค.นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ลงพื้นที่และมีประชาชนเรียกร้องโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่น โดยนายกรัฐมนตรี ยิ้มและหัวเราะ ก่อนกล่าวว่า ตนเข้าใจเพราะทุกคนก็มีความประสงค์ ซึ่งตนได้ยินแล้ว และก็อยากให้หน่วยงานอื่นได้ยินเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ตนก็กำลังรอข้อมูลจากคณะกรรมการที่แต่งตั้งไปศึกษารายละเอียดข้อเสนอแนะจากกฤษฎีกาและ ป.ป.ช. ส่วนรายละเอียด นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะเป็นผู้แถลงเอง
เมื่อถามว่าคิดว่าผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย จะได้ยินเสียงเรียกร้องจากประชาชนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ยิ้ม ก่อนระบุว่าไม่ทราบ และให้รอรายละเอียดจากนายจุลพันธ์ แต่ตนตระหนักดีถึงความต้องการของประชาชน
เมื่อถามถึงกรณี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตผู้ว่าฯ ธปท. ออกมาระบุว่าการที่นายกฯเรียกร้องให้ลดอัตราดอกเบี้ย จะมีผลทำให้เงินทุนไหลออก นายเศรษฐา กล่าวว่า มันก็มีทั้งบวกและลบหลายๆ อย่าง ท่านเองเป็นอดีตผู้ว่าฯ ธปท.มา และเป็นอดีตรองนายกฯที่ดูแลเศรษฐกิจมา ท่านพูดอะไรตนก็รับฟัง แต่ก็มีมุมมองหนึ่ง ถ้าเงินทุนไหลออกในปริมาณที่เหมาะสมของเงินทุนไหลออก ก็ทำให้บาทอ่อน แล้วบาทอ่อนส่งออกดีหรือไม่ เราพึ่งการส่งออก 60% ของจีดีพี บาทอ่อนคนเข้ามาท่องเที่ยวเยอะขึ้นหรือไม่ ก็น่าจะเยอะขึ้น ใช่หรือไม่ ก็ดี 1 ดอลลาร์ของเขากลายเป็น 36-37 บาท เขาก็มีเงินเยอะขึ้นในกระเป๋ามาจับจ่ายใช้สอย ซื้อผลิตภัณฑ์จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากยิ่งขึ้น ไปเที่ยวเมืองรองมากยิ่งขึ้น ก็ยิ่งดี มันก็มีหลายมุมมอง เพราะจริงๆ แล้วเศรษฐศาสตร์ก็เป็นศาสตร์อันหนึ่งซึ่งมีความหลากหลาย มันไม่ใช่ตัวเลข 1+1 เป็น 2 ซึ่งก็รับฟังท่าน