อดีตสามี อิ๋งอิ๋ง ฟ้องเรียกเงินล้านคืน อิ๋งอ้อย ตกใจ! พอรู้คำพูดสุดท้ายก่อนพี่เสียชีวิต เผยตนเป็นผู้จัดการมรดก บริจาคทรัพย์สิน 50 ล้านของพี่สาวให้การกุศล
‘อิ๋งอ้อย สิทธิวดี กิตติสิทโธ’ ทวงความยุติธรรมให้ ‘อิ๋งอิ๋ง สิทธิณี กิตติสิทโธ’ พี่สาวที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 57 ปี และเสียชีวิตมาแล้วกว่า 1 ปี แต่กลับถูกอดีตสามีพี่สาว ฟ้องร้องเอาเงินที่อ้างว่าให้ยืมไปมูลค่าล้านกว่าบาท บอกอีกฝ่ายไปหาหลักฐานมา และยังอึ้งคำพูดอดีตพี่เขย บอกหมออย่าเพิ่งฉีดมอร์ฟีนให้อิ๋งอิ๋งก่อนเสียชีวิต เพราะอยากให้พี่สาวของตนเซ็นยกทรัพย์สินให้
โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 66 อิ๋งอ้อย เดินทางมาที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อนำเงินจำนวน 10 ล้านบาท มามอบให้มูลนิธิโรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อเป็นสาธารณกุศล จากนั้นได้เผยกับสื่อมวลชนถึงเรื่องที่ตนเองถูกอดีตสามีพี่สาวฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนล้านกว่าบาท หลังอ้างว่าได้ให้อิ๋งอิ๋งยืมไปเมื่อครั้งยังมีชีวิต
บริจาคไปกี่แห่งแล้วตั้งแต่เสียพี่สาว? “ตั้งแต่พี่อิ๋งเสียไป พี่อ้อยบริจาคที่ทำแล้วคือห้องน้ำที่อินเดีย เพราะพี่อิ๋งไปถ่ายทำพระธรรมทูตที่อินเดีย ก็มีพระอาจารย์ณรงค์ พี่อ้อยบริจาคสร้างห้องน้ำไป อันนั้นคือวัดอโยธยาราม ที่อินเดีย และก็มาทำที่นี่ค่ะ (โรงพยาบาลรามาธิบดี)”
เบ็ดเสร็จมูลค่าเท่าไหร่? “ขอไม่บอกได้ไหม คือ ณ ตอนนี้ยังรวบรวมทรัพย์สมบัติพี่อิ๋งไม่หมดเลยค่ะ”
หลังจากพี่อิ๋งเสียเราเป็นผู้จัดการมรดก? “ใช่ค่ะ (เราจัดการยังไง?) ต้องรวบรวมทรัพย์สมบัติ มีที่ดิน เครื่องเพชร เงินสด อะไรที่อยู่ตรงไหน เราต้องรวบรวมไว้ตรงกลางค่ะ คือเราทำรายการไว้ค่ะ คือพี่อ้อยตั้งใจบริจาคทั้งหมด อย่างวันนี้ที่บริจาคมีความรู้สึกว่าเงินส่วนนี้ไม่ใช่น้ำพักน้ำแรงที่พี่อ้อยหามา แต่เป็นของพี่อิ๋ง โอเคเราให้เพราะเงินส่วนนี้ไม่ใช่เงินของพี่อ้อย พี่อิ๋งป่วยด้วยโรคมะเร็ง และเขาเสียที่นี่ เราก็เลยมองว่าโรงพยาบาลรามาธิบดี เราสามารถที่ไปช่วยคนอื่นต่อได้เยอะมาก คือเราบริจาคหมดเลยจะไม่เก็บค่ะ”
ยังตั้งใจสร้างวัด? “ยังตั้งใจค่ะ ณ ตอนนี้ที่คุยวัดเป็นส่วนคือยังไม่บอก คือเงินค่อนข้างเยอะ เรามานั่งทำมูลนิธิและนั่งประชุมกัน ว่าเราจะเอาไปทำส่วนไหน วัดส่วนหนึ่ง แต่โรงพยาบาลจะช่วยคนได้เยอะมาก เราซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เราต่อชีวิตคนได้เยอะมาก วัดเป็นที่พึ่งทางใจ แต่คนที่ป่วยยากแล้วไม่มีเงิน พี่ว่าพี่ทำโรงพยาบาลตรงนี้ก่อน”
ทรัพย์สินพี่อิ๋งที่ยังมีอยู่คืออะไรบ้าง? “ยังมีเครื่องเพชร และหลายสิ่งที่ยังหาไม่เจอ (หมายถึงพี่อิ๋งไปซ่อน?) ไม่ซ่อน แต่เราหาไม่เจอ คือเราไม่รู้ว่าไปไหน แต่เรารู้ว่ามี แต่เรายังหาไม่เจอ ตอนนี้ก็ยังหาอยู่”
คาดว่าจะไปเจอตรงไหน? “อันนี้บอกไม่ได้ เพราะเราไม่รู้ว่า ณ ตอนนั้นที่โรงพยาบาลมีใครเข้าไป ไปทำอะไรเราไม่รู้ เราบอกไม่ได้”
ทรัพย์สินพี่อิ๋งที่รวมแล้วมีเท่าไหร่? “ณ ตอนนี้เฉพาะเงินสดที่พี่อิ๋งมี ที่ตอนนี้รวบรวมได้ ไม่รวมที่ดิน ไม่รวมอะไร มีประมาณ 50 ล้าน (เครื่องเพชร ที่ดิน?) ยังไม่ได้รวม เพราะเรายังไม่ขาย ยังไม่ได้ทำอะไร ของพี่อิ๋งก็ยังอยู่”
พี่อิ๋งถือกรรมสิทธิ์คนเดียว? “ณ ตอนนี้พี่อ้อยเป็นคนถือกรรมสิทธิ์คนเดียว (ก่อนหน้านี้เป็นของพี่อิ๋งคนเดียว?) ใช่ค่ะ (ไม่มีถือร่วมกับใคร?) ไม่มีค่ะ เพราะฉะนั้นการที่พี่จะเอาเงินของพี่อิ๋งมาบริจาค ทำบุญ ทำการกุศล พี่ตัดสินใจได้คนเดียว ไม่ต้องถามใคร”
ย้อนกลับไปที่งานศพที่อดีตสามีมาเรียกร้องว่าเป็นสินสมรส? “ณ ตอนนี้ขั้นตอนคือเราคุยกับทนายอยู่ ไม่สามารถบอกอะไรได้ทั้งหมด ณ ตอนนี้บางอย่างจะทำให้คดีเปลี่ยนแปลง เพราะฉะนั้นคือถ้าจะสัมภาษณ์พาดพิงถึงสามีเก่า พี่อ้อยคิดว่าไม่พูดถึงดีกว่า”
อะไรที่ทำให้ต้องปรึกษาทนาย? “เพราะตอนนี้พี่อ้อยโดนฟ้อง ถูกฟ้องว่าพี่อิ๋งติดหนี้ ซึ่งพี่อ้อยบอกว่าถ้าติดหนี้ก็เอาหลักฐานมา เรายินดีใช้ เพราะไม่อยากให้พี่อิ๋งติดหนี้ไปถึงชาติหน้า ถ้าพี่อิ๋งมีหนี้ใครมีหลักฐานแล้วพิสูจน์ได้ว่าอันนั้นคือหลักฐานจริง เราจ่ายให้หมดค่ะ”
ติดหนี้เท่าไหร่ ติดหนี้จากอะไร เขาบอกไหม? “เขาบอกว่าติดหนี้จากเงินยืม อันนั้นที่เขาตีมา ณ ตอนนี้ประมาณล้านกว่าบาท”
ถ้าเขามีหลักฐานเรายินดีใช้? “แน่นอน พี่อ้อยไม่ให้พี่อิ๋งติดหนี้ใคร พี่อิ๋งติดหนี้ใครหรือมีอะไร ถ้าเรารู้นะ อย่างหนี้ธนาคาร หนี้บัตรเครดิตอ้อยไปไล่ปิดทุกอย่าง พี่อิ๋งไม่มีหนี้ เพราะฉะนั้นพี่อิ๋งไป พี่อิ๋งต้องไม่มีอะไรติดตัวไปถึงชาติหน้า”
เรารู้สึกยังไงที่โดนฟ้อง? “อ๋อ เด็ดมากค่ะ พี่อิ๋งตายวันที่ 2 ก.ค. ใช่ไหมคะ อ้อยเตรียมจัดบ้านทำบุญพระ วันที่ 1 ก.ค.มีหมายศาลมาผูกประตูหน้าบ้านอ้อย คือเขากะเวลาได้ตรงเป๊ะมาก ว่าวันนี้ทำบุญ วันนี้เอาหมายศาลมาผูกหน้าบ้านเลย”
พอมีหมายศาลมาได้คุยกันไหม? “ไม่ได้คุย เพราะเราให้ทนายคุยแล้วพอมาถึงขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะต้องคุยกัน เพราะพี่อ้อยเป็นคนดูแลทรัพย์สิน พี่อ้อยไม่ได้เป็นหนี้ เพราะฉะนั้นคุณก็ไปเอาหลักฐานมา แล้วคุณก็เอามาเคลียร์
ณ วันนี้ก็ยังไม่มีหลักฐานมา? “ยังไม่มีหลักฐานที่แน่นอน พี่อ้อยพูดคำนี้ดีกว่า ใช่หรือไม่ใช่เราไม่รู้”
ย้อนไปตอนที่พี่อิ๋งเสียเขาได้มาขอสมบัติหรือขอแบ่งมรดกไหม? “เขาไม่ได้ขอแบ่งมรดก แต่เขามาในลักษณะว่าขอเรียกคุยกับพี่น้อง เอาน้องสาวไปคุย เอาพี่ไปคุย เอาทุกคนไปคุยว่าพี่อิ๋งมีหนี้นะ อ้าวแล้วพี่อิ๋งมีหนี้แล้วไง เขาบอกว่าพี่กับน้องสาวมีศักยภาพที่จะใช้หนี้ให้พี่อิ๋งได้ หมายความว่ายังไง คือจะให้พี่กับน้องสาวใช้หนี้ให้พี่อิ๋ง หนี้ตรงนั้นมันเกิดจากอะไร ถ้าจะใช้เรื่องเงินเหรอกับพี่น้องมันเรื่องเล็ก วันนี้โทรไปยืมเงินน้องกี่ล้านก็ต้องให้ เราเชื่อเครดิตกัน พี่น้องกันสายเลือดเดียวกัน ไม่โกงกันหรอก มีปัญหาโทรยืมเงิน ไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะฉะนั้นบอกสิ เคลียร์หนี้อะไร บอกมา เพราะฉะนั้นคือ บอกเขาว่าจะให้เราไปเคลียร์หนี้ แต่เงินก้อนนี้ มันไม่ใช่หนี้ที่เราสร้าง เรารู้ว่าบุคคลที่จะยืมเงิน และให้ยืม คือใคร แม้กระทั่งเพื่อนสนิทเรายังพูดเลยว่า อย่ามายืมเงินกัน ถ้ายืมเงินกันเราจะไม่ได้คุยกันอีกแล้วเพราะฉะนั้นพี่อ้อยบอกตรงนี้เลยว่า กินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า ถ้าจะให้เอาเงินไปใช้หนี้ วันนั้นก็คือสรุปกันไม่จบ ก็คือต่างคนต่างแยกย้าย เพราะพี่บอกว่าพี่กินข้าวพี่ไม่ได้กินหญ้า”
เรื่องนี้พูดกันตอนไหน? “พี่อิ๋งยังไม่เสีย เขาขอก่อนเลย และเขาก็ประกาศเจตนารมณ์ว่าค่าโรงพยาบาลไม่จ่ายนะ พี่น้องพวกคุณดูแลกันเอง”
ขึ้นศาลไปเมื่อไหร่? “ขึ้นแล้วเมื่อวาน (4ก.ย.66) พี่ไม่ได้ไป ส่งทนายไป ทนายก็มาบอกว่าไม่ได้คุยกัน ฟ้องแพ่งว่าพี่อิ๋งเป็นหนี้เขา เขาฟ้องพี่เป็นจำเลยที่หนึ่ง บริษัทฯเป็นจำเลยที่สอง คือบริษัทฯหยุดดำเนินการแล้ว แต่เนื่องจากว่าการเซ็นของกรรมการทั้งหมดจะต้องมีกรรมการ พี่เลยใส่ชื่อตัวเองเป็นกรรมการปุ๊บเขาก็ฟ้องทันทีเลย เขารอเวลาอยู่แล้ว จะบอกว่าเขาฟ้องบริษัทฯ ว่าบริษัทยืมเงินมาก็เอาหลักฐานมาดูกันว่ายืมจริงไหม”
ได้บอกเรื่องนี้กับพี่อิ๋งไหม? “ไม่ได้บอก ที่คุยกันคือวัตถุประสงค์ของเขาคือย้ายโรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอภุชงค์ดูแลพี่อิ๋งมา 5 ปี เราไม่คิดจะเปลี่ยนอยู่แล้ว พี่อ้อยฉุนขาดมาก พูดไปว่าถ้าพี่อิ๋งจะเสียพี่อิ๋ง ก็อยู่ที่นี่ ยังไงก็ไม่ย้าย ถามว่าจะย้ายเพื่ออะไร ย้ายเพื่อประหยัด อ้อยบอกไปว่าเงินทุกบาททุกสตางค์พี่อิ๋งเป็นคนหามา พี่อิ๋งมีสิทธิ์ที่จะใช้เพราะฉะนั้นไม่ย้าย ยังไงก็ไม่ย้าย”
เกิดเหตุการณ์นี้อีกกลัวพี่อิ๋งจะไม่สบายใจไหม? “ไม่หรอก พี่อ้อยสวดมนต์ทุกคืน สวดให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายให้พวกที่มันไม่หลุดไปจากชีวิตสักที คือเรื่องตรงนี้ทั้งหมด สามีพี่อ้อยก็ไม่ใช่ ทุกวันนี้ที่ทำคือเพื่อพี่อิ๋งคนเดียว ฟ้องแพ่งก็ฟ้องไป เอาหลักฐานมาถ้าจริงคืนให้ แต่ถ้าอะไรหมกเม็ดไว้ถ้าค้นเจอเราเอาถึงที่เหมือนกัน ไม่ปล่อยอยู่แล้ว”
คิดจะฟ้องกลับไหม? “เราปล่อย ที่ไม่ฟ้องเนี่ย เราอยู่นิ่งๆ ของเรามานานแล้ว สัจจะออกจากปากลูกผู้ชายนะ เขาพูดกับแฟนน้องสาวว่าเขาจะไม่มายุ่งอะไรกับครอบครัวพี่อีกแล้ว วันนี้ก็กลับมาอีก เราไม่ยุ่งกับเขามานานมาก แต่ถ้าทำแบบนี้พี่อ้อยบอกเลยว่ารื้อ ไม่ได้จองเวรแต่เอาความถูกต้องมาคุยกัน”
ทรัพย์สิน สมบัติก็ยังมีอีก? “ยังรวบรวมไม่หมด (เขาไม่มีสิทธิ์มาเกี่ยวข้อง?) ใช่ ศาลสั่งคำสั่งสุดท้ายมาแล้วว่าพี่อ้อยเป็นผู้ดูแลมรดกแต่เพียงผู้เดียว วันนี้พี่เอาเงินมาบริจาค เขาก็ไม่มีสิทธิ์มาแย้ง”
พี่อิ๋งก็เสียไปแล้ว แต่กลับมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก รู้สึกยังไงบ้าง? “คือเราต้องสะสางให้จบ มันเป็นภาระที่เราต้องแบก เพราะว่าทรัพย์สมบัติก็ยังขายไม่หมด และเราก็ไม่รู้ว่าอายุเราจะยาวแค่ไหน เพราะฉะนั้นคนที่จะสืบทอดก็คือลูกสาวพี่ จะสั่งไว้ว่าทุกบาททุกสตางค์ของป้าอิ๋งไม่ใช่เงินเรามีโอกาสทำบุญเอาไปทำบุญให้หมด พี่อิ๋งไปสบาย บอกไปเลยไม่ต้องห่วง สู้เพื่อความยุติธรรมให้ ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่อิ๋งเสียชีวิตมีเงินเหลือในธนาคารไม่ถึงร้อยบาท บัญชีนึงมียี่สิบกว่าบาท อีกบัญชีมีแปดสิบกว่า แล้ว ณ ตอนนี้คุณเอาอะไรของพ่อแม่อ้อยไปเอามาคืนด้วย นิสัยพี่อิ๋งของพ่อของแม่ไม่มีวันเอาไปขายแน่นอน เพราะฉะนั้นของพ่อของแม่คือของที่พี่อิ๋งรักที่สุด ณ ตอนนี้พี่อ้อยหาไม่เจอ เอาไปเอามาคืนด้วย เขาต้องรู้ว่าเขากวาดอะไรไปบ้าง เอาของพ่อของแม่มาคืน เราก็หมดกรรมต่อกัน แต่ถ้าไม่เอามาคืนเราจะตามวาระเวรกรรมที่จะมาถึงเขาแล้วกัน เพราะถือว่าพี่อิ๋งเขาไม่ได้ให้ วาระสุดท้ายใครจะเชื่อว่า ที่บอกว่าชีวิตยิ่งกว่าละครคืออะไร คือมานั่งจับมือพี่อิ๋ง เราพี่น้องก็ยืนอยู่ พูดสิพูด พูดเหมือนที่เคยพูด หมอถามว่าพี่อิ๋งมีอะไรจะพูดไหม พี่อิ๋งส่ายหน้าไม่พูด ไม่มีอะไรจะพูด พอลับหลังเดินสะกิดหมอ หมอครับอย่าเพิ่งให้มอร์ฟีน เขายังไม่ได้เซ็นยกสมบัติให้ผม นี่คือคำพูดที่ออกจากปากเขา มันยิ่งกว่าละครอีก เราไม่ได้ยินแต่คุณหมอเป็นคนบอกว่าตกใจมากที่เขามาบอก เราตกลงกันในห้องแล้วว่าไม่มีสรุปจบนะ ให้พี่อิ๋งไปสบายที่สุดคือต้องเพิ่มมอร์ฟีนเพื่อจะได้ไม่เจ็บไม่ทรมาน นั่นแหละค่ะ”.