ดีเอสไอ สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ บุกทลายโกดัง แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง ยึดสินค้าไร้ มอก. กว่า 10 ล้านบาท ลุยค้นบ้านหรู เตรียมดำเนินคดีพิเศษ
วันที่ 16 ก.พ.2567 รายงานข่าวแจ้งว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังบุกโกดังแม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง หลังถูกร้องเรียน ซึ่ง นายชยพล สายทวี ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้สนธิกำลังร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอเมืองยะลา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ จ.ยะลา เพื่อเข้าทำการตรวจค้นโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ต่อมาทราบชื่อคือ บริษัท มากี้ช็อป 2017 จำกัด
ภายหลังจากสืบทราบว่า มีการนำเข้าและจำหน่ายสินค้าที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม และลักลอบจำหน่ายสินค้าหลีกเลี่ยงภาษีอากร โดยเปิดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชันซื้อ-ขายสินค้าออนไลน์ ทางเพจเฟซบุ๊กชื่อ MakeeShop และ ติ๊กต็อก ชื่อ Makeeshopofficia
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นในบ้าน พบเป็นบ้านหรู มีสระว่ายน้ำ และบางส่วนกำลังต่อเติม มีรถหรูจอดในโรงรถ 4 คัน และตรวจค้นโกดังที่อยู่หลังบ้านดังกล่าว พบสินค้าหลายประเภทอยู่ตามชั้นวางซึ่งสินค้าไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอุตสาหกรรม (มอก.) ที่ค้นพบอยู่บนชั้นวางด้านหลังโกดัง เช่น เตารีดไอน้ำ หม้อหุงข้าว เตากระทะไฟฟ้า พัดลม พาวเวอร์แบงก์ และจักรยาน เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไปตรวจสอบ
นายชยพล กล่าวว่า พบสินค้าหลายประเภททั้งสินค้าอุปโภค บริโภค เครื่องใช้ไฟฟ้า ตลอดจนเครื่องสำอาง ซึ่งในส่วนของสินค้าที่บังคับว่าต้องมี มอก.แต่ไม่มี หรือสินค้าบางประเภทบางชิ้นมี มอก. แต่ต้องไปตรวจดูว่าเป็น มอก.แท้หรือปลอม ในส่วนนี้อยู่ในอำนาจหน้าที่ของอุตสาหกรรมจังหวัดที่จะต้องพิจารณาในส่วนของการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
นอกจากนี้ ยังมีสินค้าประเภทเครื่องสำอางที่สาธารณสุขต้องตรวจดูว่าสินค้าดังกล่าวมี อย.หรือไม่ หากระบุเลข อย.ต้องไปตรวจต่อว่าแท้หรือปลอมเนื่องจากว่าการเอาของที่มี อย.เอามาขายต่ำกว่าราคาท้องตลาดมากๆ แสดงให้เห็นแล้วว่าอาจจะเป็นสินค้าปลอมก็ได้
เบื้องต้นพบสินค้าหลายชนิดไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าน่าจะมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ แต่อาจต้องตรวจสอบอีกครั้งว่าผ่านมาจากช่องทางใดบ้าง ในส่วนของความผิดนั้นส่วนที่ 1 เป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและส่วนที่ 2 อาจจะเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรเกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร
พร้อมกันนี้ต้องมีการตรวจสอบกันต่อและยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย สินค้าไหนถูกต้องตามกฎหมายก็ต้องคืน ไม่ดำเนินคดี ในส่วนการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการสอบสวนคดีพิเศษจะดูมูลค่าความเสียหายดูความเสียหายที่เกิดกับประชาชนว่ามีมูลค่าผลกระทบมากน้อยแค่ไหนจะสมควรรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง ขณะที่เจ้าของโกดังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลกับสื่อ
สำหรับผลการตรวจค้นเป้าหมายพบพยานหลักฐาน ดังนี้
1.หมายค้นศาลจังหวัดยะลา ที่ 1/2567 ลงวันที่ 13 ก.พ.2567 ค้นสถานที่ บ้านหลังหนึ่ง ม.7 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งเป็นที่พักอาศัยและโกดังเก็บสินค้า พบสินค้าซึ่งไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม มอก. จำนวน 70 รายการ รวมจำนวน 1,364 ชิ้น
2.หมายค้นศาลจังหวัดยะลา ที่ 2/2567 ลงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ค้นสถานที่บ้านหลังหนึ่ง ม.7 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ซึ่งมีลักษณะเป็นโกดัง ภายในพบว่ามีเครื่องจักรขนาดใหญ่สำหรับผลิตกล่องบรรจุสินค้าส่งจำหน่ายให้กับลูกค้า และบริเวณด้านข้างโกดังพบรถบรรทุกสินค้าซึ่งมีสินค้าอยู่เต็มคันรถเตรียมนำเข้าใส่โกดัง จำนวน 75 รายการ รวมจำนวน 857 ชิ้น
สำหรับของกลางของที่ทำการตรวจยึดได้เป็นยอดขายในแต่ละวัน ซึ่งหากเฉลี่ยแล้วในแต่ละเดือนจะมียอดขายประมาณ 30,000-40,000 ชิ้นต่อเดือน ประกอบพยานเอกสารการสั่งซื้อและขายที่ตรวจยึดได้ในที่เกิดเหตุซึ่งพบว่าได้ประกอบธุรกิจมาเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี โดยไม่มีอาชีพอื่นใด
พฤติการณ์และการกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดตามพ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2566 มาตรา 48 และ มาตรา 48 ทวิ และความผิดตามพ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 242 มาตรา 243 และ มาตรา 244
ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นความผิดทางอาญาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ในบัญชีท้ายประกาศ กคพ.(ฉบับที่ 8) พ.ศ.2565 เรื่อง กำหนดรายละเอียดของลักษณะของการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ตามบัญชีท้าย ข้อ 8 และข้อ 13 ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะได้เสนออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามข้อสั่งการของ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ ในการมุ่งคุ้มครองความปลอดภัยต่อชีวิต ร่างกาย และสุขภาพอนามัยของประชาชนซึ่งเกิดอันตรายจากการใช้สินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งคณะพนักงานสืบสวนจะดำเนินการบังคับใช้กฎหมายโดยร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการร่วมกันอย่างต่อเนื่องต่อไป
ที่มา : มติชน