เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 24 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีแม่ค้าขายทองเปอร์เซ็นต์น้อย ซึ่งไม่สอดคล้องกับราคา ผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์ จึงมีการเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เข้ามาดูแลว่า กรณีการซื้อขายทองออนไลน์ ได้รับแจ้งจาก สคบ.ว่ายังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน แต่จากกระแสข่าวทราบว่ามีผู้เสียหายค่อนข้างมาก จึงได้สั่งให้ทาง สคบ.ลงไปตรวจสอบเชิงลึกในด้านข้อกฎหมายเรื่องการโฆษณาและฉลาก ว่าทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ น.ส.จิราพรกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ สคบ.จะมีการเชิญผู้ที่ได้รับความเสียหาย ผู้ขายหรือผู้ประกอบการ รวมถึงผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ได้จดทะเบียนขายโดยตรงกับ สคบ.เข้ามาให้ข้อมูลเช่นเดียวกัน
โดยช่วงบ่ายของวันนี้ สคบ.มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปยังร้านที่เป็นประเด็นดังกล่าว เพื่อเก็บข้อมูลมาเป็นตัวอย่าง รวมถึงสอบถามรายละเอียด เพื่อทำการนัดทุกฝ่ายเข้ามาหารืออีกครั้ง คาดว่าภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ เมื่อถามถึงกรณีบุคคลที่ไม่สามารถขายคืนกับร้านได้นั้น น.ส.จิราพรกล่าวว่า ส่วนนี้มีกฎหมายควบคุมอยู่แล้วคือการคืนสินค้าได้ภายใน 7 วัน ทั้งกรณีไม่ตรงปกและไม่พอใจสินค้า หากซื้อขายบนแพลตฟอร์มที่จดทะเบียนแบบขายโดยตรงกับ สคบ. ส่วนกรณีเกินระยะเวลากำหนด แต่ตรวจพบว่าสินค้าเป็นของที่ซื้อไม่ตรงตามที่โฆษณาไว้ หรือมีฉลากไม่ตรงตามที่ประกาศกฎหมาย ก็จะให้ สคบ.เข้าไปช่วยเหลือตรงนี้เพิ่มเติม เพื่อพิสูจน์ทราบย้อนหลัง
ถามว่า กรณีที่ผู้ประกอบการอ้างว่าไม่เคยระบุว่าเป็นของจริงหรือปลอมนั้น น.ส.จิราพรกล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบเรื่องการโฆษณาว่า มีการโฆษณาให้เกิดความเข้าใจสาระสำคัญของสินค้าหรือไม่ ส่วนการทำโปรโมชั่นซึ่งมีของแถมนั้น ก็ต้องตรวจสอบด้วยว่ามีการทำผิดกฎกระทรวงหรือไม่ หากพบว่าผิดจริง จะมีการดำเนินการทางกฎหมาย น.ส.จิราพรกล่าวต่อว่า
ทั้งนี้ เข้าใจว่ามีผู้เสียหายบางกลุ่มได้เข้าไปร้องเรียนกับทางตำรวจแล้ว แต่ผู้เสียหายก็สามารถมาร้องเรียนกับ สคบ.ได้ในหลายช่องทาง อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการประชาสัมพันธ์เชิงรุกให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อทองว่า ควรจะซื้อกับร้านที่มีความน่าเชื่อถือ และต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนี้ก่อนด้วยว่า ได้ทำตามหลักเกณฑ์การซื้อขายทองหรือไม่ ซึ่งต้องมีการตรวจสอบร้านอื่นๆ ด้วยเช่นกัน เมื่อถามว่า หากผิดจริงจะมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง นน.ส.จิราพรกล่าวว่า มีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับ แต่เรื่องการดำเนินคดีนั้นเป็นเรื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะต้องตรวจสอบต่อไป ย้ำว่า สคบ.พร้อมดูแลผู้บริโภคที่ซื้อบริการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
