September 20, 2024

สลดซ้ำซาก! แม่ลืมลูก 5 ขวบไว้ในรถนาน 4 ชั่วโมง สามีโทรมาถึงจำได้ แพทย์สุดยื้อ แต่ช่วยไม่ทัน (ตปท.)

 

 

 

 

เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2567 เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศ THE STRAINTS TIMES ได้มีรายงานเหตุสะเทือนใจที่เป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครอง หลังจากเด็กหญิงวัย 5 ขวบเสียชีวิตเพราะผู้เป็นแม่ลืมว่าปล่อยลูกสาวนอนหลับอยู่ในรถ ที่ลานจอดของโรงพยาบาลชาห์ อลาม ในรัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย

จากการแถลงการณ์ของตำรวจ ระบุว่า หญิงสาววัย 34 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาล ขับรถไปรับลูกจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กเล็ก เมื่อเวลาราว 14.00 น. ของวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น หลังขับกลับมาจอดรถที่โรงพยาบาลแล้วก็ดับเครื่องยนต์และลงไปทำงานโดยลืมไปว่าลูกสาวนอนหลับอยู่บนเบาะหลังของรถ

กระทั่งสามีของเธอโทรศัพท์มาหา เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. หญิงสาวจึงนึกขึ้นได้ว่า ลูกยังอยู่ในรถเลยรีบวิ่งไปดูและพบว่าลูกสาวอยู่ในสภาพหมดสติ จึงนำตัวส่งแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล แม้ทีมแพทย์พยายามยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ช่วยเด็กไว้ไม่ได้ ก่อนนำร่างส่งชันสูตรศพเมื่อวันที่ 31 ม.ค. 2567

ด้าน พล.ต.ต.โมห์ด อิกบัล อิบราฮิม ผู้บัญชาการตำรวจเมืองชาห์ อลาม กล่าวว่าไม่พบร่องรอยบาดเจ็บ ทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เจ้าหน้าที่กำลัง

สอบสวนเหตุการณ์นี้ภายใต้กฎหมายเด็ก พร้อมร้องขอให้ผู้ปกครองเพิ่มความรอบคอบในการรับส่งลูกหลาน เพื่อป้องกันเหตุซ้ำรอยที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อ 3 เดือนก่อน มีเหตุเด็กวัย 2 ขวบเสียชีวิตเนื่องจากแม่งานยุ่งมากจนลืมทิ้งลูกไว้ในรถนานกว่า 7 ชั่วโมง หลังจากไปส่งลูก 2 คนที่โรงเรียน ก่อนมุ่งหน้าไปยังศูนย์รับเลี้ยงเด็กเพื่อส่งลูกคนเล็ก แต่ผู้เป็นแม่ยุ่งกับการทำงานบนระบบออนไลน์ เลยลืมส่งลูกและขับรถกลับบ้านโดยทิ้งลูกไว้ในรถ

นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุสลดคล้ายกันเมื่อเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว เมื่อเด็กทารกวัย 16 เดือนเสียชีวิตอยู่ในรถ เพราะพ่อของเจ้าหนูน้อยผู้โชคร้ายรายนี้ ลืมทิ้งไว้นานหลายชั่วโมงที่ลานจอดรถของมหาวิทยาลัยในรัฐตรังกานู

ส่วนอีกเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนต.ค.ปีเดียวกัน เด็กวัยเพียง 8 เดือนเสียชีวิตหลังถูกทิ้งไว้ในรถนาน 10 ชั่วโมง แม่ซึ่งเป็นแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ให้ลูกนั่งเบาะหลังเพื่อจะไปส่งที่สถานรับเลี้ยงเด็ก แต่ตรงไปทำงานเลยเพราะคิดว่าส่งลูกแล้ว

ข้อมูล THE STRAINTS TIMES

 

 

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *