31 สิงหาคม 2566 นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย สส.พรรคร่วมรัฐบาล แถลงข่าวภายหลังการประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ ระหว่างการพิจารณาญัตติขอให้สภาฯ ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางการแก้ปัญหาราคากุ้งตกต่ำว่า การพิจารณาในวันนี้ ไม่ใช่กฎหมาย หรือเป็นญัตติที่รัฐบาลเสนอ เพราะเป็นญัตติที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอเข้ามา เป็นปัญหาประชาชนเช่นกัน จึงไม่ควรนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งตนเองเคยเป็นวิปฝ่ายค้าน ในสภาผู้แทนราษฎรชุดก่อน และเคยชักชวน สส.พรรคก้าวไกล ให้นับองค์ประชุมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในอดีต แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ทำ
แต่ในวันนี้ พรรคก้าวไกล อาจแตกฉานวิชาของฝ่ายค้านแล้ว จึงขอแสดงความยินดีด้วย แต่ก็ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจ เพราะหากเป็นกฎหมายที่ฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยก็ชอบธรรมที่จะดำเนินการเช่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา-กัญชง หรือ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ หากฝ่ายค้านไม่เห็นด้วย ฝ่ายค้านก็จะขอนับองค์ประชุม แต่ในการพิจารณาครั้งนี้ ถือเป็นความเดือดร้อนของประชาชน ควรที่จะต้องให้ความเห็นชอบ และให้ข้อคิดเห็นถึงรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหาประชาชนโดยเร็ว และยืนยันว่า วิปรัฐบาลในสัปดาห์หน้า ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเร่งพิจารณาให้เสร็จ เพื่อให้รัฐบาล นำไปแก้ปัญหาให้เกษตรกรโดยเร็ว พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่า ในสมัยการประชุมนี้ จะไม่ประมาทให้สภาฯต้องล่มอีก
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อ การขอนับองค์ประชุมครั้งนี้ เป็นผลต่อเนื่องจากการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (30 ส.ค.) ที่พรรคก้าวไกล เสนอให้มีการเลื่อนวาระการประชุม ขอให้นำญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎร มีมติให้คณะรัฐมนตรี จัดการออกเสียงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่พรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นด้วย ให้มีการเลื่อนญัตติ เพราะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศแล้ว จะมีมติคณะรัฐมนตรีจัดการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก ที่รัฐบาลจะดำเนินการอยู่แล้ว และกลไกที่พรรคก้าวไกลเสนอนั้น ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะยังต้องขอมติจากวุฒิสภาอีก ซึ่งสมัยสภาฯชุดที่ผ่านมา ญัตติดังกล่าวก็ถูกวุฒิสภาตีตกไปแล้ว ดังนั้น จึงเชื่อว่า กลไกนี้จะไม่สำเร็จ และขอให้รอมติคณะรัฐมนตรี ที่จะสามารถดำเนินการได้ทันที และเป็นทางออกที่เหมาะสมกว่า
ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้ที่ประกาศตัวเป็นว่าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (31 ส.ค.) ไม่คิดว่า สส.พรรคก้าวไกล จะใช้วิธีการนับองค์ประชุมที่เร็วเกินไป และการนับองค์ประชุมส่วนใหญ่ จะเป็นกรณีที่ฝ่ายค้าน ไม่เห็นด้วยกับร่างกฎหมายสำคัญ แต่การพิจารณาญัตติครั้งนี้ ถือเป็นประโยชน์ของเกษตรกรทั้งสิ้น ดังนั้น พรรคร่วมรัฐบาล จึงไม่ขอเข้าร่วมแสดงตน และขอแสดงบทบาทฝ่ายค้านไม่ร่วมในการนับองค์ประชุมครั้งนี้ และยืนยันว่า ไม่ว่าในอนาคตฝ่ายค้านจะมาไม้ใด ตนก็จะรู้ทันเช่นเดียวกัน
พร้อมชมเชยพรรคร่วมฝ่ายค้านในการทำหน้าที่วันนี้ (31 ส.ค.) แต่ยืนยันว่า ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาล จะปรับปรุงตัวให้ สส.มาประชุม เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรเดินหน้าต่อไปได้ จึงขอกราบอภัยประชาชน และขออภัยฝ่ายค้านที่เห็นไม่ตรงกัน พร้อมมั่นใจว่า เมื่อมีวิป 2 ฝ่ายแล้ว จะสามารถประสานงานกันได้ง่ายขึ้น
นายอดิศร กล่าวต่อ ตนเองไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์ชิงไหวชิงพริบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมากเกิน เพราะระหว่างนี้ 4 ปี องค์ประชุมเป็นของฝ่ายรัฐบาล ถ้าฝ่ายรัฐบาล ไม่ร่วมองค์ประชุมให้ฝ่ายค้าน ก็เกรงว่า ฝ่ายค้านจะไม่มีโอกาสได้พิจารณากฎหมายแม้แต่ฉบับเดียว