วันที่ 1 กันยายน 2566 จากกรณี ทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือจำคุกอีก 1 ปีต่อจากนี้ ประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้ว ต่อจากนั้น อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวได้โพสต์ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
โดยเว็บไชต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ระบุความว่า
นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร ยื่นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษา จำนวน ๓ คดีคดีที่ ๑ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๔/๒๕๕๑ ความผิดต่อหน้าที่ราชการ กำหนดโทษจำคุก ๓ ปี คดีที่ ๒ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๑๐/๒๕๕๒ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กำหนดโทษจำคุก ๒ ปี ซึ่งคดีที่ ๑ กับคดีที่ ๒ นับโทษซ้อนกันรวมก าหนดโทษจำคุก ๓ ปี และคดีที่ ๓ คดีหมายเลขแดง ที่ อม. ๕/๒๕๕๑ ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมกำหนดโทษจำคุก ๕ ปี รวมกำหนดโทษจำคุก ๘ ปี
รับโทษมาแล้ว ๑๐ วัน เหลือโทษจำคุก ๗ ปี ๑๑ เดือน ๒๐ วัน อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ความว่าเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษาขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นั้น
ซึ่งความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว จึงพระราชทานพระมหากรุณาอภัยลดโทษให้นักโทษเด็ดขาดชาย ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไป อีก ๑ ปี ตามกำหนดโทษตามคำพิพากษาเพื่อจะได้ใช้ความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ช่วยเหลือและทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคมและประชาชน สืบไป
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ
พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
ต่อจากนั้น อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ได้โพสต์ข้อความ ระบุ “ข้าพระพุทธเจ้า นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และนายทักษิณ ชินวัตร จะใช้ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทั้งชีวิต ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ สังคม ประชาชน และรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์สืบไป ขอพระองค์ทรงพระเจริญ”