“รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์” อ.จุฬาฯ สวน ปมดราม่า รถกอล์ฟอัญเชิญพระเกี้ยว ลั่น ‘เปิดใจรับฟังคนรุ่นใหม่บ้าง นิสิตไม่ได้ทำเล่น ๆ’ พร้อมชี้ความหมาย
จากกรณีที่ “นิสิตจุฬา” ใช้รถกอล์ฟอัญเชิญ “พระเกี้ยว” ในงานเทศกาลงานกีฬาฟุตบอลสานสัมพันธ์ “จุฬาฯ-ธรรมศาสตร์” CU-TU Unity Football Match 2024 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ สนามศุภชลาศัย สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์สนั่นว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ ส่งผลให้มีผู้คนมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว
อ่านข่าวเพิ่มเติม : แพทย์ทหารเตือน! ‘จบจุฬาฯอย่ามาสมัครงานด้วย’ ปม รถกอล์ฟ อัญเชิญพระเกี้ยว
ล่าสุด รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ออกมาเคลื่อนไหวถึงกรณีดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก Puangthong Pawakapan ระบุข้อความว่า “ขอบอกพวกไดโนเสาร์ว่านิสิตเขาไม่ได้ทำเล่น ๆ เขาตั้งใจคิดและทำกันเต็มที่ และยังให้เกียรติกับสัญลักษณ์ของจุฬาฯด้วย”
“โดยขบวนอัญเชิญพระเกี้ยวถูกรายล้อมไปด้วยสัญลักษณ์ตัวแทนแห่งองค์ความรู้ของศาสตร์แขนงต่าง ๆ ได้แก่
- เข็มฉีดยาและขวดชมพู่ ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์สุขภาพและวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี
- หนังสือเล่มหนา ตัวแทนของ สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
- ไม้ฉากเรขาคณิต ตัวแทนของ คณิตศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์
- เกียร์ ตัวแทนของ วิศวกรรมศาสตร์
- สเลทฟิล์ม ตัวแทนของ นิเทศศาสตร์
- ดัมเบล ตัวแทนของ วิทยาศาสตร์การกีฬา
- จานสี ตัวแทนแห่งศาสตร์ศิลปะ
“สัญลักษณ์เหล่านี้เปรียบเสมือนองค์ความรู้ที่อยู่คู่กับจุฬาฯ ที่ได้พัฒนาวงการต่าง ๆ ในไทยและในระดับโลก ทำให้มหาวิทยาลัยก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรง”
“และอีกสิ่งประดับตกแต่งขบวนที่ทุกท่านจะเห็นได้นี้ คือ “อะตอม” ที่ส่วนเล็ก ๆ รวมกันกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ เปรียบเสมือนความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของนิสิต บัณฑิต และบุคลากรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ร่วมแรงร่วมใจไปสู่การเป็นสถาบันเสาหลักที่ยั่งยืน”
“อีกทั้งขบวนยังถูกตกแต่งด้วยดอกไม้จากพลาสติกที่ใช้แล้ว กลับมาใช้ซ้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์ของงานนั่นคือ Unity to Sustainability และร้อยเรียงเป็น “พวงดอกกล้วยไม้ที่ผลิบาน” ดั่งโบราณว่า กล้วยไม้มีดอกช้า ฉันใด การศึกษาเป็นไป เช่นนั้น แต่ดอกออกคราวไร งามเด่น การศึกษาปลูกปั้น เสร็จแล้วแสนงาม”
พร้อมทิ้งท้ายว่า “จงแก่แต่กาย แต่อย่าปล่อยให้ใจและสมองแก่ตามไปด้วยเลย หัดเปิดใจรับฟังคนรุ่นใหม่บ้างเถอะ”