กาญจนบุรี สื่อดังญี่ปุ่น ส่งทีมบุกถ่ายทำอุโมงค์ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 เตรียมเผยแพร่ให้คนรุ่นใหม่-รุ่นเก่า เข้าใจทหารยุ่นทำอะไรไว้บ้าง
3 เม.ย. 67 – จากกรณี นายมานชัย วัฒนการัณย์ และนายศราวุธ ไทรสังข์สิริพงศ์ ชาวอำเภอสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ค้นพบอุโมงค์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ในพื้นที่บ้านซองกาเลีย หมู่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จากนั้นวันที่ 31 มี.ค. 67 ทั้งสองได้พาสื่อมวลชนลงพื้นที่สำรวจ เพื่อช่วยกันประชาสัมพันธ์ผลักดันให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอสังขละบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสำรวจช่วงวันดังกล่าว พบว่าบริเวณปากอุโมงค์ค่อนข้างคับแคบต้องก้มตัวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ แต่เมื่อเข้าไปได้พบตัวอุโมงค์กว้างประมาณ 2 เมตร สูง 1.80-1.90 เมตร ระยะทางจากปากอุโมงค์ถึงปลายอุโมงค์ยาวประมาณ 35 เมตร
ส่วนอากาศภายในค่อนข้างเย็นสบาย อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-25 องศาฯ สภาพของอุโมงค์โดยรวมค่อนข้างสมบูรณ์ มีเพียงร่องรอยดินถล่มลงมาบริเวณปากอุโมงค์และท้ายอุโมงค์เท่านั้น หลังจากที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าวออกไปก็ได้รับความสนใจจากสังคมออนไลน์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด นายจุมเปย์ ทานะกะ (JUMPEI TANAKA) ผู้สื่อข่าวช่อง Nippon TV ทีวีอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น คุณชลันลักษณ์ จันทร์วันเพ็ญ ผู้สื่อข่าว Nippon tv ประจำประเทศไทย และทีมงาน ได้เดินทางมาถ่ายทำบรรยากาศทั้งภายนอกและภายในอุโมงค์ดังกล่าว
โดยมีนายศุภชัย พลทิพย์ หรือนักข่าวกลางดง พร้อมด้วย นายมานชัย วัฒนการัณย์ และนายศราวุธ ไทรสังข์สิริพงศ์ ชาวอำเภอสังขละบุรี นำพาทีมงานไปถ่ายทำรายการอย่างละเอียด
ทั้งนี้ นอกจากถ่ายทำที่อุโมงค์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้ว ทีมงาน Nippon TV ยังได้ไปถ่ายทำสถานที่ประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อีก 4 จุด คือ ร่องรอยรางรถไฟสายมรณะ ที่อยู่บริเวณหัวสนามบิน (สนามบินเดิม) ตั้งอยู่ริมถนนสาย 323 หมู่ 8 บ้านซองกาเลีย บริเวณตอม่อสะพาน ที่อยู่บริเวณจุดเล่นน้ำลำห้วยซองกาเลีย
รวมทั้งบริเวณบ่อน้ำเติมหัวจักรรถไฟ ที่อยู่ท่าน้ำกลางหมู่บ้านซองกาเลีย ด้านหลังโรงเรียนบ้านซองกาเลีย และถ่ายทำที่บริเวณสถานที่เก็บปูนซีเมนต์ หลุมระเบิดทางรถไฟ ที่อยู่ภายในสวนยางพาราของชาวบ้าน ในพื้นที่บ้านซองกาเลีย ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงสาย 323 สายซองกาเลีย-บ้านพระเจดีย์สามองค์
ทั้งนี้นายจุมเปย์ พิธีการรายงานข่าวช่อง Nippon TV เปิดเผยเป็นภาษาญี่ปุ่นผ่านคุณชลันลักษณ์ ว่าเขาไม่คิดว่า จะมีซากที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เหลือในอยู่พื้นที่แห่งนี้เยอะขนาดนี้ และคนญี่ปุ่นในสมัยนี้ไม่ได้คิดว่า ประเทศไทยจะมีส่วนในการที่ทหารของญี่ปุ่นเข้ามาทำอะไรแบบนี้มาก่อน
“เมื่อได้มาถ่ายทำแล้ว เขาจึงต้องการให้คนญี่ปุ่นทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่าได้เห็นประวัติศาสตร์ ว่าในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทหารญี่ปุ่นเคยทำอะไรเอาไว้ และเผลอๆ อาจจะทำอะไรที่แย่กว่านี้ก็ได้ หวังว่า การมาถ่ายทำในครั้งนี้ จะสามารถสื่อสารอะไรบางอย่างไปถึงชาวญี่ปุ่นได้บ้าง