วันที่ 9 เม.ย.2567 ที่วัดโขมงหัก ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร คุณสุเทพ อายุ 65 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นพ่อค้าเร่ขายไอศกรีมตามพื้นที่ต่าง ๆ ได้ติดภาพถ่ายไว้บนรถ มีทั้งภาพชายแต่งเครื่องแบบตำรวจ ด้านล่างมีตัวหนังสือระบุว่า หัวหน้าชุดปฏิบัติการติดตามไล่ล่า
ถัดมาเป็นรูปภาพผู้หญิง ซึ่งสวมเสื้อสีขาว ด้านล่างมีตัวหนังสือระบุว่า ทนายความอิสระ และอีกหนึ่งภาพ เป็นภาพชายแต่งกายชุดทหารบก สวมใส่หมวกหม้อตาล ด้านล่างมีตัวหนังสือระบุว่า เฉพาะกิจหน่วยเคลื่อนที่เร็ว
โดย คุณสุเทพ เล่าด้วยความภาคภูมิใจว่า รูปภาพที่ติดอยู่บนรถขายไอศกรีม ก็คือลูกชายและลูกสาว ซึ่งมีทั้งหมด 3 คน ลูกชายคนโต อายุ 30 ปี สังกัดอยู่ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 34 จ.ตาก ลูกสาวคนกลาง อายุ 25 ปี เป็นทนายความอิสระ ซึ่งปัจจุบันปฏิบัติงานอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลูกชายคนเล็ก อายุ 24 ปี สังกัดกองพันสารวัตรทหารกรุงเทพฯ ส่วนภรรยาได้เลิกรากันไปกว่า 6 ปีแล้ว
ตนเองมีความภาคภูมิใจในตัวลูกทั้ง 3 คนมาก เนื่องจากตนนั้นมีฐานะยากจน เร่ขายไอศกรีมมากกว่า 20 ปี ลูกทั้ง 3 คนเป็นคนที่เรียนดีมาก เอาใจใส่ในการเรียนดี ตนจึงตั้งใจที่จะมานะบากบั่นส่งลูกทั้ง 3 คน ให้เรียนสูง ๆ
อาชีพตนมีอยู่อาชีพเดียว ก็คือ เป็นพ่อค้าขายไอศกรีม แต่ก่อนนั้นเป็นช่วงที่ขายดีมาก ได้กำไรวันละกว่า 2 พันบาททุกวัน ตนได้เก็บหอมรอมริบเอาไว้เพื่อส่งเสียลูกทั้ง 3 คน จนถึงฝั่ง
ก่อนหน้านี้ ลูก ๆ เคยขอร้องให้ตนหยุดขายไอศกรีม เนื่องจากเห็นว่าตนอายุมากแล้ว แต่ตนก็อดที่จะออกมาเร่ขายไม่ได้ แม้ลูก ๆ ทุกคนจะส่งเงินมาให้ใช้ รวมแล้วตกเดือนละ 15,000 บาท ซึ่งตนก็ได้เก็บเอาไว้เป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ส่วนหนึ่งก็ฝากเข้าบัญชีธนาคารเอาไว้
รวมถึงที่บริเวณบ้านพักก็มีป้ายไวนิลติดอยู่เช่นกัน และยังได้สั่งทำป้ายไวนิลของลูกทั้ง 3 คน เตรียมนำมาติดด้านหน้าของตู้เย็นเก่าที่วางเรียงอยู่ในบ้าน เมื่อถามว่าเพราะเหตุใดจึงคิดทำแบบนี้ คุณสุเทพตอบอย่างภาคภูมิใจว่า จะเอาไว้นอนดูเล่น มีความสุขดี
และอยากบอกกับคนที่กำลังท้อแท้ และกำลังส่งลูกเรียนว่า อันดับแรกต้องอยู่ที่เราคิดก่อน เราต้องคิดนอกกรอบ เราอย่าไปคิดเหมือนคนอื่น ถ้าเราคิดเหมือนคนอื่นก็จะเหมือนเขานั่นแหละ เรามีความรู้ความสามารถอะไรให้เอาออกมาใช้เลย ทำจากที่เราคิดแล้วมันจะได้เอง แต่ทั้งนี้ต้องประกอบกันหลายอย่าง ทั้งใจและทั้งดวง ถ้ามันมาพร้อมมันก็ได้