‘วิเชียร’นายกสภาทนายฯ เตือนเล่นน้ำสงกรานต์อย่าละเมิดสิทธิคนอื่น เสี่ยงคุก 1 เดือนปรับ1 หมื่น เตือนพวกมือไวประเเป้งล่วงเกิน อาจโดนข้อหาอนาจาร ห่วงอุบัติเหตุเมาเเล้วขับรถเร็วเกิดการสูญเสีย
เมื่อวันที่ 12 เมษายน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวถึงการหยุดยาวพักผ่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ช่วงมหกรรมเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงที่มีเกิดอันตรายและเพราะเกิดอุบัติเหตุขึ้นมากมายจากข้อมูลในเชิงสถิติเห็นว่าตั้งแต่ปีพ.ศ. 2565 อุบัติเหตุสูงสูงขึ้น
สิ่งหนึ่งที่อยากจะขออนุญาตตักเตือนพี่น้องประชาชนสำหรับคนที่ต้องออกเดินทางไม่ว่าจะไปที่ที่ไหนก็ตามไม่ว่าจะเดินไปพักผ่อนการท่องเที่ยวหรือไปเยี่ยมญาติสนิทมิตรสหายหรือว่าไปรดน้ำดำหัวบิดามารดาหรือผู้ที่มีอุปการะคุณ
ในกรณีที่เป็นผู้ขับขี่รถยนต์ก่อนที่จะขับขี่รถเราต้องมีสติ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ไปเกิดเหตุละเมิดคนอื่นและในขณะเดียวกันคนที่ขับรถถ้าดื่มสุรา แล้วต้องไม่ขับ เพราะมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง ตามข้อมูลในเชิงสถิติดื่มแล้วขับอุบัติเหตุจะเกิดเป็นอันดับที่ 2 รองจากขับรถด้วยความเร็วเกินตามที่กฎหมายกำหนด
ก็ต้องฝากถึงประชาชน 2 เรื่องในเรื่องดื่มเเล้วขับเเละขับรถเร็วเกินกว่าที่กำหนดเพราะทำให้เกิดการสูญเสียได้ เเละถ้าเราเป็นฝ่ายกระทำผิด อาจจะต้องเป็นฝ่ายถูกดำเนินคดีทั้งทางอาญาและทางแพ่ง ในขณะเดียวกัน
คนที่ขับขี่มอเตอร์ไซต์ก็ควรที่จะมีการใส่หมวกนิรภัยเพราะถ้าเราเกิดอุบัติเหตุมันสามารถที่จะป้องกันความร้ายแรงเกิดขึ้นได้ อันนี้มีงานวิจัยออกมาว่าคนที่เกิดอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บหรืออุบัติเหตุจนถึงความตาย ส่วนใหญ่ไม่ใส่หมวกนิรภัย
ส่วนเรื่องการเล่นน้ำสงกรานต์อยากจะฝากเตือนเรื่องการละเมิดสิทธิ คนอื่น การเล่นน้ำต้องดู เพราะบางคนเขาอาจจะไม่ประสงค์ที่จะเล่นน้ำ เขาแต่งตัวเพื่อที่จะไปทำงาน ถ้าเขาบอกว่าไม่ประสงค์ในการที่จะให้สาดน้ำสงกรานต์หรือให้ปะแป้ง ก็ควรอย่าไปฝืน กรณีที่เรายังไปเล่นต่อจนเขาเสียหาย หากไปกระทำการเช่นนั้น
เป็นการสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับเขาถ้าทรัพย์สินของเสียหายถ้าอาจจะต้องรับผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ เขาสามารถที่จะดำเนินคดีทางอาญาแก่ผู้กระทำได้ อย่างน้อยก็ข้อหาสร้างความเดือดร้อนรำคาญ
ซึ่งมีโทษขั้นต่ำก็คือจำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 1หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้คนที่ไปเล่นน้ำก็ต้องเท่าที่เห็นมีประเด็นเป็นปัญหาก็คือไปลูปคลำหรือไปปะเเป้งที่เป็นลักษณะล่วงเกิน ไม่ว่าผู้กระทำจะเป็นหญิงหรือชาย กรณีกรณีเเบบนี้อาจจะเข้าข่ายข้อหากระทำการอนาจารฯ ที่จะได้รับโทษตามกฏหมายเพราะมันเป็นความผิดทางอาญา