ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางแช่มช้อย ชมกลาง อายุ 58 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป พร้อมด้วย นางสาวณัฐสุดา ชมกลาง อายุ 36 ปี ลูกสาวและลูกเขย ชาวอำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา ได้ถือเอกสารใบแจ้งความ สมุดบัญชีธนาคารกรุงไทย และเอกสารการทำบัญชีย้อนหลัง ซึ่งพบว่าเงินในบัญชีธนาคารกรุงไทย 290,000 บาท ได้หายเกือบหมดบัญชี เหลือให้ดูต่างหน้าเพียง 16.69 บาท
นางแช่มช้อย ชมกลาง อายุ 58 ปี เจ้าของบัญชี เปิดเผยว่า เมื่อวานพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน 2567 ได้ไปปรับสมุดบัญชี ที่ธนาคาร และต้องการที่จะเบิกเงินมาเป็นค่าเทอมให้กับหลานอายุ 3 ขวบเพื่อเตรียมเข้าอนุบาล 1 และหลานอีกคนหนึ่งที่จะเข้าปริญญาตรี ก่อนจะพบว่าเงินในบัญชีเหลือแค่ 16.69 บาท นาทีนั้นเขาแทบทรุด ลมแทบจับ หูอื้อไปหมด เพราะไม่รู้ว่าเงินทั้งหมดหายไปไหน และเป็นเงินที่เก็บสะสมมาทั้งชีวิต
ซึ่งตนจำได้ว่าได้ถอนครั้งสุดท้ายไปเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2566 จำนวน 20,000 บาท และเหลือเงินอยู่ 290,000 บาท โดยลูกสาวเป็นคนพาไป ซึ่งใช้บัตรเครดิตกดกับตู้ธนาคาร หลังจากนั้นก็เก็บบัตรกดเงินไว้อย่างดีก่อนจะมารู้อีกทีหนึ่งว่าบัตรดังกล่าวได้หาย
ไปตอนไหนก็ไม่รู้ โดยก่อนหน้านั้นก็เคยให้ลูกสะใภ้ไปกดให้ จึงมีแค่สองคนเท่านั้นที่รู้รหัสผ่านบัตรกดเงิน จึงได้มีการแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากการปรับสมุดบัญชีแล้ว พบว่าเงินเริ่มถูกถอน ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2566 จนมาถึงเดือนมกราคม 2567 จำนวน 20 ครั้ง ครั้งละ 10,000 ถึง 20,000 บาท
โดยยอดสุดท้ายที่มีการถูกกดออกไป จำนวน 800 บาทเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา และมารู้ตัวอีกทีนึงว่าเงินหาย เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งตนได้สงสัยลูกสะใภ้ พ่อจะอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกันมาโดยตลอด ก่อนที่ระยะหลังจากทะเลาะกับลูกชายและได้เลิกรากันซึ่งมีบุตรด้วยกัน 1 คน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วยติดตามหาคนผิดมาลงโทษให้ได้
นางสาวณัฐสุดา ชมกลาง อายุ 36 ปี ลูกสาว เผยว่า ตนเองยืนยันว่าได้พาแม่ไปกดเงินจริง ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่เคยได้ไปกดเงินอีกเลย ซึ่งก่อนหน้านั้นแม่ได้เคยไหว้วานลูกสะใภ้ไปกดเงินให้ ซึ่งตนก็อยากให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ทั้งตนเองและสะใภ้ และตามหาคนผิดมาลงโทษให้ได้ ซึ่งตนก็ได้พาแม่ไปธนาคารเพื่อขอตรวจสอบบัญชีย้อนหลัง พบว่าเงินได้มีการไปถอนออกตาม
ตู้ธนาคารกรุงไทยภายในอำเภอสีคิ้วจำนวนหลายตู้ แต่ตู้กดเงินธนาคารสามารถที่จะบันทึกภาพวีดีโอคนกดเงินได้เพียงแค่ 60 วัน จึงไม่สามารถที่จะเห็นหน้าคนร้ายได้ ได้อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตาม สอบปากคำผู้ต้องสงสัย รวมไปถึงตนเองด้วย เพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับแม่
โดยเงินดังกล่าวที่แม่เก็บไว้ทั้งชีวิตต้องการที่จะนำมา ใช้จ่ายในบั้นปลายชีวิตและเลี้ยงหลานที่กำลังจะเข้าอนุบาล 1 และเข้าปริญญาตรี จงทำให้ทุกอย่างต้องหยุดชะงักไปหมด จากการสังเกตตนพบว่าน้องสะใภ้มีการใช้จ่ายที่ค่อนข้างฟุ่มเฟือยในระยะหลัง จึงอยากให้ตำรวจช่วยตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน เพื่อหาความผิดมาลงโทษให้ได้
เรียบเรียง ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครราชสีมา