เรื่องนี้มีที่มาจาก นายเศรษฐา เกิดโอภาส อายุ 39 ปี ได้ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อ ระบุว่า เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมด้วย นางสาวประภา เกิดโอภาส 36 ปี (น้องสาว) ซึ่งเป็นแม่ของนายภูเบศ อายุ 19 ปี (หลานชาย) และนางสาวพรชนก อายุ 17 ปี (หลานสาว) ได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อทำการเปลี่ยนนามสกุลหลานทั้งสองคน
ได้พบกับปลัดฝ่ายทะเบียนราษฎร์ ซึ่งเป็นผู้หญิง ปลัดได้ตรวจเอกสารและแจ้งกับตนเองว่าต้องรอนะ เพราะมีคนมาติดต่อราชการเยอะหรือคิวยาว แต่ทางปลัดก็บอกติดปัญหา แล้วจากนั้นทางปลัดก็ได้บอกกับ
ตนเองและครอบครัวว่า ต้องเสียค่าดำเนินการคนละ 500 บาท รวม 2 คนเป็น 1,000 บาท ตนเองและน้องสาวพร้อมด้วยหลานทั้งสองก็ตอบตกลง เพราะคิดว่าเป็นค่าธรรมเนียมหรือค่าดำเนินการในการจัดการในครั้งนี้
ธรรมเนียมคนละ 100 บาท และมีใบเสร็จออกให้ ส่วนคนละ 500 ต้องไปถามทางปลัดเอง ทางครอบครัวก็ไม่ได้เข้าไปถามปลัด เนื่องจากเมื่อดำเนินการเอกสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นเวลาเย็นแล้วเกือบ 17.00 น. เพราะตนเองได้เดินทางไปดำเนินการตั้งแต่ 14.00 น.
จากนั้นจึงเดินทางกลับมาที่บ้านพักและได้คุยกันภายในครอบครัว จนน้องชาย คือ นายบดินทร์ธร ศรีสุนธรากุล อายุ 22 ปี ซึ่งรู้จักกับเพื่อนที่ทำงานฝ่ายปกครอง ได้โทรไปถามเช็กข้อมูล บอกว่าการดำเนินการมีแค่ค่าธรรมเนียมคนละ 100 บาท เท่านั้น ไม่มีการเรียกเก็บเงินนอกเหนือจากนี้ ทางครอบครัว จึงได้เดินทางไปที่ว่าการอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพื่อ
สอบถามและให้ชี้แจงข้อเท็จจริง แต่ได้รับคำตอบจากทางอำเภอ ให้รอการไต่สวนข้อเท็จจริงจากปลัดเสียก่อน จากนั้นตนเห็นแล้วไม่ถูกต้องจึงได้โพสต์ในเฟซบุ๊กของกลุ่ม เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่รู้ ซึ่งก็มีคนเข้ามาคอมเมนต์ว่า ตามระเบียบหรือตามกฎหมายไม่มีการเก็บเงิน นอกจากค่าธรรมเนียม
ดังนั้น ครอบครัวจึงดูแล้วว่าปลัดคนดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จะทำการร้องเรียนเพื่อดำเนินการกับปลัดคนดังกล่าวให้ถึงที่สุด และล่าสุด หลังจากเกิดเหตุ นายอำเภอพระสมุทรเจดีย์รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว จึงแนะนำให้ผู้เสียหายให้มาแจ้งร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอพระสมุทรเจดีย์ เพื่อจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป และในวันที่ 29 เมษายน 2567 เวลา 14.00 น. ทางนายอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จะมีการตรวจสอบและชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น