จากกรณีสืบเนื่อง การปรับเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้าเป็นจำนวน 1,000 บาท ต่อคนต่อเดือน ซึ่งเดิมทีช่วยเหลือจ่ายให้แบบขั้นบันไดตามเกณฑ์อายุ ซึ่งนโยบายตั้งแต่สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ กล่าวคือ มีการจ่ายเบี้ยยังชีพเป็น 600, 700, 800 และ 1,000 บาท โดยล่าสุด วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 หลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ มีมติให้เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุถ้วนหน้าคนละ 1,000 บาทต่อเดือน อันนับเป็นจุดเริ่มต้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
โดยเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 รายงานว่า จากกรณีเบี้ยผู้สูงอายุที่มีการจ่ายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได โดยไม่มีการปรับเบี้ยใด ๆ เป็นมานาน 10 ปี ทางวุฒิสภาได้แต่งตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อทำการศึกษาและพิจารณาปรับเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุ โดยเปลี่ยนเป็นบำนาญคนชรา และจ่ายเป็นขั้นบันได โดยปีพ.ศ. 2568 ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นเดือนละ 1,200 บาท, ปีพ.ศ. 2569 ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นเดือนละ 2,000 บาท และ ปีพ.ศ. 2570 ปรับเบี้ยผู้สูงอายุ เป็นเดือนละ 3,000 บาท
ความคืบหน้าล่าสุด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการโดยรัฐ นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ นั่งเป็นประธาน ปรับเป็นตัวเลขสุทธิที่ 1,000 บาทต่อเดือน โดยจะปรับเป็นการจ่ายแบบถ้วนหน้า กล่าวคือ ไม่ว่าผู้สูงอายุจะอายุเท่าใดก็จะได้รับเบี้ยยังชีพเป็นจำนวนเท่ากันที่ 1,000 บาทต่อคนต่อเดือนทั้งสิ้น
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เตรียมจะเสนอเข้าคณะรัญมนตรีไทย (ครม.) ในเดือนมิถุนายนนี้ และอาจมีผลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
ทั้งนี้ สำหรับคำถามที่ประชาชนหลายคนสงสัยเกี่ยวกับ การปรับเบี้ยยังชีพเป็นยอดสุทธิ 1,000 บาท จากเดิมที่ควรได้เป็น 3,000 บาทนั้น นายณนริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการิอาวุโสของ TDRI เผยว่า ความจริงตัวเลขที่ควรได้คืออยู่ที่คนละ 3,000 บาท เพื่อแก้ไขปัญหาเส้นแบ่งความยากจนในกลุ่มผู้สูงอายุแต่เมื่อไปดูตัวเลขของอัตราการเกิดที่น้อยลง และเมืองไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ คนจะเสียภาษีและสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็น้อย คลังก็จัดเก็บภาษีได้น้อยลง ดังนั้นตัวเลข 1,000 บาท จึงเป็นจำนวนที่ตอบโจทย์มากที่สุด
หลักเกณฑ์การจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได (แบบเดิม)
การจัดสรรจ่ายเบี้ยผู้สูงอายุแบบไม่เท่ากัน หรือแบบขั้นบันไดนั้นได้กำหนดเกณฑ์เบี้ยยังชีพตามช่วงอายุ ตามรายละเอียดดังนี้
อายุ 60-69 ปี ได้รับ 600 บาทต่อเดือน
อายุ 70-79 ปี ได้รับ 700 บาทต่อเดือน
อายุ 80-89 ปี ได้รับ 800 บาทต่อเดือน
อายุ 90 ปี ขึ้นไป ได้รับ 1,000 บาทต่อเดือน