เมื่อวันที่ 30 พ.ค.67 tnnthailand รายงานว่า นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างการแถลงข่าวการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด หรือ ARI-AMC ว่า บริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคารออมสิน และบริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด
(มหาชน) มีเป้าหมายช่วยลูกหนี้รายย่อยให้หลุดพ้นจากการเป็นหนี้เสีย และนำประวัติออกจากเครดิตบูโร ให้เป็นลูกหนี้ปกติที่สามารถเข้าสู่ระบบเข้าถึงสินเชื่อได้ ซึ่งขณะนี้ระยะเวลาการติดแบล็คลิสต์ (Blacklist)
ทางเครดิตบูโร เป็นข้อที่น่าสังเกตว่ายาวนานเกินไปหรือไม่ เพราะผู้ที่มีประวัติเป็นหนี้เสีย ติดแบล็คลิสต์รวมนานถึง 8 ปี ในกระบวนการตัดหนี้เสียของสถาบันการเงิน จะต้องใช้เวลา 5 ปี และถูกเก็บประวัติการชำระหนี้ไว้ที่เครดิตบูโรอีก 3 ปี รวมเป็น 8 ปี
ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลานานเกินไป เห็นว่าในขั้นตอนนี้น่าจะมีการพิจารณาปรับลดเวลาลง เช่น เหลือติดแบล็กลิสต์แค่ 2 ปี บวกกับ 3 ปี หรือเหลือ 1 ปี บวกกับ 3 ปี ซึ่งจากนี้จะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
เพื่อให้ประชาชนกลับมาเป็นสถานะหนี้ผ่อนปกติหรือหนี้ปิดบัญชี จะทำให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ในอนาคต และลดการพึ่งพาหนี้นอกระบบได้ ซึ่งคงต้องไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้องก่อน
ทั้งนี้ ตามหลักการเมื่อลูกหนี้เป็นหนี้เสีย คือ ขาดการผ่อนชำระนานเกิน 3 เดือน สถาบันการเงินจะทำบัญชีผู้เสียประวัติทางเครดิต ทำให้ไม่สามารถกู้เงินในระบบ
สถาบันการเงินได้นาน 5 ปี และจากนั้นยังเก็บประวัติต่อไปอีก 3 ปี ซึ่งแม้จะกู้ได้แต่ก็อาจต้องเสียดอกเบี้ยสูงขึ้น หรือได้วงเงินน้อยลง กลายเป็นผลเสียกระทบต่อลูกหนี้มีประวัติเป็นหนี้เสียนานถึง 8 ปี