แม่น้องเชื่อมจิต เปิดใจเหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ ขอเรียกว่า อำมหิตมาก ลั่นน้องจะไม่หยุดสอนธรรม
(4 ม.ย.67) เวลา 10.30 น. หลังจากครอบครัวน้องเชื่อมจิตเข้าพบ นางจตุพร โรจนพานิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เพื่อยื่นให้ตรวจสอบการทำงานของเจ้าหน้าที่ พม.ที่ จ.สุราษฎร์ธานี รายหนึ่ง เรื่องการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เรื่องเดียวเท่านั้น
ล่าสุด พ่อและแม่ รวมถึงทนายความของน้องเชื่อมจิต แถลงข่าวที่กองปราบ โดยเผยว่า หลังจากยื่นเอกสารที่ พม.แล้ว ก็นำเอกสารชุดเดียวกัน มามอบให้ทางกองปราบปราม เพื่อเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี ส่วนสาเหตุที่ไม่ได้แถลงข่าว ที่ พม.นั้น เนื่องจากผู้ใหญ่ที่ พม.เป็นห่วงเรื่องการเบียดเสียด นางจตุพร โรจนพา
นิช อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ จึงแถลงข่าวด้วยตัวเองภายหลัง ทางครอบครัวจึงเดินทางต่อมาที่กองปราบปราม หลักฐานวันนี้เป็นเรื่องเมื่อวันที่ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา และก่อนหน้านั้น ซึ่งมีทนายท่านหนึ่ง ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับน้องเชื่อมจิต ครอบครัว และเพจนิรมิตเทวาจุติ ในข้อกล่าวหา นำข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์เพื่อแสวงหาประโยชน์
เมื่อเช้าที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ พม.มีโอกาสได้พูดคุยกับน้อง และเจ้าหน้าที่ถามน้องว่า “ความรู้ตรงนี้ ได้มาจากที่ไหน” ซึ่งน้องก็บอกไปว่า “เป็นความรู้ที่ติดตัวมาจากข้างบน” และก่อนที่จะเดินทางกลับน้องได้สวมกอดเจ้าหน้าที่ พม. ก่อนจะบอกว่า “ฝากเรื่องของน้องด้วยนะ” ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็รับปากว่าจะดูแลให้ ซึ่งภาพที่แม่ได้เห็นเป็นความประทับใจในระหว่างที่น้องได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ พม.
ส่วนเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ที่ สน.ทองหล่อ มีหมายเรียกรวมทั้งหมด 3 คน พ่อ แม่ และน้อง ซึ่งจริงๆ ครอบครัวตั้งใจจะเข้าไปวันที่ 4 แต่อยู่ๆ น้องบอกว่าจะไปวันนี้ (3 มิ.ย.67) เลย
“และน้องได้บอกกับพ่อแม่ว่า สิ่งที่จะได้เห็น ที่ สน.ทองหล่อ นั้น จะได้เห็นหมดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับน้องบ้าง แล้วสิ่งที่ได้เห็นแม่จะสามารถเอาไปใช้ในชั้นศาลได้ แล้วมันก็เกิดเหตุการณ์แบบนั้นจริงๆ แต่ใช้คำว่านิมิตร หรือ อะไรแม่ไม่รู้แต่ ที่น้องพูดมาไม่มีพลาด”
แม่น้องเชื่อมจิต กล่าวต่อว่า เมื่อวานทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง ตนเองต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ สน.ทองหล่อ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ สน.ทองหล่อเป็นความประทับใจ บรรยากาศในช่วงที่สอบสวน ก็เป็นบรรยากาศที่น่ารัก ซึ่งไม่ตรงเลย กับการที่มีคนไปพูดว่า “น้องก้าวร้าวกับตำรวจ” นั้นไม่เป็นความจริง ที่สำคัญประโยคบางประโยค ที่มีการแจ้งความไว้นั้น น้องก็ยืนยันว่าน้องไม่ได้พูด และจะมีการแจ้งความกลับด้วย
ส่วนเรื่องการปั๊มลายนิ้วมือ ที่ไม่ยอมขึ้นไปชั้น 2 นั้น เพราะมองว่าน้องเป็นเด็ก ไม่ว่าพ่อแม่จะทำอะไร อยู่ตรงไหน น้องจะอยู่ตรงนั้น ส่วนเรื่องการปีนบันไดหนีไฟนั้นยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ทำไมถึงจะต้องปีนหนีด้วย อีกทั้งการพิมพ์ลายนิ้วมือ ไม่มีเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องพิมพ์ตรงไหน
“แม่ขอให้ความรู้นิดนึง สิ่งที่เกิดขึ้น แค่มีคนคนหนึ่งมาแจ้งความมันไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โต หรือร้ายแรงอะไรที่จะต้องทำเหมือนเราเป็นอาชญากร ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เราแค่มารับทราบข้อกล่าวหา แล้วมาดูว่าตรงนั้นตรงไหมจะปฏิเสธไหมเท่านั้นเอง เป็นแค่คดีหมิ่นประมาท”
เมื่อวานนี้ น้องบอกให้แจ้งความกลับ เนื่องจากน้องมีความรู้สึกว่าโดนคุกคามในขณะที่น้องกำลังพูดคุยกันในห้องสอบสวน จะได้ยินเสียงตะโกนเข้ามาในห้องตลอดเป็นคำด่า ตำรวจที่อยู่ที่นั่นก็รู้ดี เพราะอยู่กันหลายคน เหตุการณ์ที่ สน.ทองหล่อ เมื่อวาน ตนเองขอเรียกว่าอำมหิตมาก หลังจากข่าวออก ก็มีการปลุกระดมคน ให้ไปปิดล้อมโรงพัก ทำให้น้องไม่ได้กินข้าวเลย จนถึง 21:00 น.
หลังจากนี้สิ่งไหนที่น้องทำ แล้วน้องมีความสุข ในฐานะพ่อแม่ก็จะปล่อยให้น้องทำ เรื่องการสอนธรรมเป็นเรื่องที่น้องทำแล้วมีความสุข ก็ต้องปล่อยเขาไป แต่ตอนนี้สิ่งที่อยากจะให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล คือ เรื่องที่เราโดนคุกคาม และเอาอะไรที่ไม่เป็นความจริงของน้องไปเผยแพร่ แล้วสื่อก็ประโคมข่าวกันไม่เลิก
“อยากดูความจริง เพราะจริงๆ การที่เด็กน้อยคนหนึ่งขึ้นมาพูดเรื่องธรรมะ แล้วก็มีการสอนธรรมตั้งแต่ 5 ขวบถึง 8 ขวบ มีผู้คนยอมรับเป็นจำนวนมาก และทุกคนพูดเป็นทางเดียวกันว่า ที่ยอมรับในความเป็นน้อง คือ ข้อธรรมที่น้องสอน ซึ่งข้อธรรมที่น้องสอนถูกเผยแพร่ออกไป ตนเองมองว่าเป็นเรื่องดีนะ ขอให้ทุกคนเข้ามาดูว่าความเป็นจริง วันที่ 15 มิถุนายน น้องจะสอนธรรมะ แล้วจะมีการเชื่อมจิต ถ้าเป็นไปได้ให้พิสูจน์ด้วยตัวเองทางออนไลน์ ร่วมกันนั่งสมาธิกับน้อง แล้วดูว่าสิ่งที่น้องทำมีอะไรนอกเหนือจากที่สัมมาสัมพุทธเจ้าท่านสอนบ้าง 15 มิถุนายนตอน 19:30 น.”
ส่วนเรื่องวิเคราะห์ทิพย์ คือ การที่วิเคราะห์ โดยใช้ความคิดของตัวเองเข้าไป โดยที่ไม่ได้สัมผัสเรื่องที่เป็นความจริง ไม่ได้เจอเจ้าตัว ไม่ได้รับรู้ข้อมูลที่เป็นความจริง เพราะฉะนั้นนี่คือเรียกว่า วิเคราะห์ทิพย์ คิดเองวิเคราะห์ไปเอง แล้วมองว่าตรงนั้น โดยที่ไม่ได้สัมผัสด้วยตัวเอง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะให้น้องหยุดหรือไม่นั้น แม่น้องเชื่อมจิต เผยว่า ทำไมต้องหยุด น้องทำอะไรผิด ทำไมต้องไปห้ามน้อง แล้วถามว่าการชวนคนมานั่งสมาธิมันเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์หรือ