เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่กำลังถูกพูดถึงอย่างมาก ตามรายงานพบว่าในปี 2013 ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ได้ไปที่สถานีตำรวจเพื่อรายงานว่าเธอนำเงินสดจำนวน 1 ล้านหยวน (ประมาณ 5 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินจากการทำธุรกิจในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา นำมาใส่ไว้ภายในตู้เซฟที่บ้าน แต่ล่าสุดกลับหายไปทั้งหมด
เธอยืนยันว่ามีเพียงตนเองและสามีเท่านั้นที่มีกุญแจบ้าน พวกเขาไม่ค่อยเชิญญาติและเพื่อนมาที่บ้าน และจะไม่บอกใครเกี่ยวกับทรัพย์สินที่เก็บไว้ในตู้นิรภัยแน่นอน หากจะมีคนที่มาบ้านเป็นประจำก็คือ แม่บ้าน ที่มีหน้าที่ทำความสะอาด อย่างไรก็ตาม ตำรวจตรวจสอบแล้วไม่พบร่องรอยของการก่ออาชญากรรม เธอจึงไม่ใช่ผู้ต้องสงสัย
เมื่อเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ ภรรยาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย สามี เพราะเขาเป็นคนในบ้าน รู้เวลาทำงานและพักผ่อนของภรรยาเป็นอย่างดี ซึ่งเหตุผลอาจจะเป็นเพราะเขาสูญเสียเงินไปกับการลงทุนในหุ้น อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านั้นเธอเคยถามสามีตรงๆแต่เขายืนยันว่าไม่เคยแตะต้องเงินในตู้เซฟเลย ดังนั้น เธอจึงเลือกที่จะนิ่งรอดูการสอบสวนของเจ้าหน้าที่
ในเวลาเดียวกันเธอก็นึกขึ้นถึงวิธีจับโจร จึงได้แอบติดกล้องไว้ในบ้าน โดนซ่อนไว้ในที่ลับสายตา แต่ส่องไปทางตู้เซฟพอดิบพอดี พร้อมนำเงินไปใส่ไว้ล่อคนร้าย หวังว่าจะจับได้คาหนังคาเขาจากหลักฐานในกล้องนี้ แต่กลายเป็นว่าเมื่อเงินหายไปอีกครั้ง กลับตรวจพบว่า กล้องพัง ไม่สามารถจับภาพที่เป็นประโยชน์ได้ เรื่องนี้ยิ่งทำให้เธอสงสัยมากขึ้นว่าสามีคือผู้อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง
จากคำให้การของภรรยา ตำรวจจึงเตรียมจะเรียกฝ่ายสามีมาสอบปากคำ แต่ในตอนนั้นจู่ๆ เขาก็มาที่โรงพักเสียก่อน อธิบายอย่างตื่นตระหนกว่า วันที่เงินถูกขโมยเขาอยู่บ้านจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นคนเอาเงินไป แค่จงใจอยู่บ้านเพื่อดูว่าใครคือคนร้าย ซึ่งเขาได้ยินเสียงนอกประตูจึงวิ่งไปดู และพบว่ามีคนใช้กุญแจเปิดประตูบ้านเข้ามา แต่เพราะกลัวมาก จึงรีบล็อคประตูและมองผ่านช่องตาแมว
หลังจากตรวจดูกล้องวงจรปิดบริเวณชุมชนที่อยู่อาศัยของคู่สามีภรรยา ในที่สุดตำรวจก็พบว่าผู้หญิงที่ฝ่ายสามีกล่าวถึงคือ อดีตพี่เลี้ยงเด็ก ซึ่งเคยทำงานอยู่ที่บ้านพวกเขาเมื่อไม่กี่ปีก่อน ระหว่างนั้นเธอแอบขโมยกุญแจบ้านและกุญแจตู้เซฟไป ในเวลาเดียวกันก็ติดตามพฤติกรรมการทำกิจกรรมของคู่สามีภรรยา จนมั่นใจว่าทุกวันพุธทั้งคู่จะบินไปเซี่ยงไฮ้ และจะไม่อยู่บ้านในวันพฤหัสบดี
ดังนั้นเธอจึงเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ กับบ้านหลังนี้ และใช้กุญแจเปิดเข้าไปขโมยเงินในวันพฤหัสสบดี หลังจากนั้น เธอเช็คเอาท์ห้องที่เช่า และขึ้นเครื่องบินกลับไปยังบ้านเกิดในเสฉวน ประเทศจีน ใช้เงินที่ขโมยมาสร้างบ้านหลังใหม่ และใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยหลังจากเหตุการณ์ถูกเปิดเผย เธอต้องชดใช้เงินที่เหยื่อรับมาและได้รับโทษจำคุก
หลังจากคู่สามีภรรยารู้ความจริงก็หวาดกลัวมาก โชคดีที่อดีตพี่เลี้ยงเด็กเข้ามาที่บ้านเพื่อขโมยเงินเท่านั้น ไม่มีการทำร้ายใครบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งหลังจากที่ถูกตำรวจจับกุม ก็ได้ยอมรับสารภาพ เธอต้องชดใช้เงินที่เหยื่อรับมา และได้รับโทษจำคุก
ทั้งนี้ กล้องที่ภรรยาแอบคิดไว้ในบ้านนั้น แท้จริงอดีตพี่เลี้ยงเด็กไม่ได้เป็นคนทำลาย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีกล้องอยู่ สาเหตุที่เปิดไม่ได้พบว่าเพียงเกิดปัญหาด้านระบบภายในกล้องเท่านั้น แต่ท้ายที่สุด นี่ถือเป็นบทเรียนสำหรับครอบครัวของข้างต้น และทุกครอบครัว เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในทีอยู่อาศัย