นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ มีมติเห็นชอบหลักการโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อช่วยเหลือค่าใช้จ่ายปัจจัยการผลิตลดต้นทุนการผลิตข้าวแก่เกษตรกร
โดยจะสนับสนุนปุ๋ยเคมี, ปุ๋ยอินทรีย์, และชีวภัณฑ์ ไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2567/68 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร เป้าหมาย 4.68 ล้านครัวเรือน วงเงินงบประมาณ 29,994.3445 ล้านบาท โดยที่ประชุมมอบหมายให้กรมการข้าวนำเสนอต่อที่ประชุม ครม. เร็วที่สุด
โดยปุ๋ยที่ร่วมโครงการ เป็นปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน หรือหนังสือสำคัญรับแจ้งถูกต้องตาม พ.ร.บ.ปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนถูกต้องตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการสามารถเลือกรับการสนับสนุนปุ๋ยสำหรับนาข้าวที่ขึ้นทะเบียน เบื้องต้น 13 รายการ ได้แก่
ปุ๋ยสูตร 25-7-14, ปุ๋ยสูตร 20-8-20, ปุ๋ยสูตร 20-10-12, ปุ๋ยสูตร 30-3-3, ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0, ปุ๋ยสูตร 18-12-6, ปุ๋ยสูตร 16-8-8, ปุ๋ยสูตร 16-12-8, ปุ๋ยสูตร 16-16-8, ปุ๋ยสูตร 16-20-0, ปุ๋ยสูตร 20-20-0
ปุ๋ยอินทรีย์ที่ขึ้นบัญชีนวัตกรรม หรือใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ และชีวภัณฑ์ที่ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย และเกษตรกรขอให้เพิ่มอีก 3 สูตร ได้แก่ ปุ๋ยสูตร 16-16-16, ปุ๋ยสูตร 15-15-15 และ ปุ๋ยสูตร 13-13-24
ทั้งนี้ นายคารม ระบุว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง รัฐบาลจะช่วยครึ่งหนึ่งและเกษตรกรจ่ายอีกครึ่งหนึ่ง ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ให้ใช้งานได้ง่ายและทั่วถึง แต่จะไม่จ่ายเป็นเงินสด ให้ซื้อผ่านแอปฯ
โดยเกษตรกรสามรถตรวจสอบสถานะทะเบียนเกษตรกรได้ด้วยตนเอง ดังนี้
1.กดเข้าในเว็บไซต์ https://efarmer.doae.go.th/login เลือก “ตรวจสอบ” ในแถบตรวจสอบสถานะเกษตรกร
2.กรอกเลขบัตรประชาชน 13 หลัก และ รหัสหลังบัตรประชาชน
3.จากนั้นกดเลือก “ตรวจสอบ”
เกษตรกรสามารถปรับปรุงข้อมูลเกษตรกรให้เป็นปัจจุบันได้ด้วยตนเอง ผ่านแอปพลิเคชัน Farmbook ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ และ ระบบปฏิบัติการiOS โดยมีขั้นตอนดังนี้
1.ไปที่เมนู “ปรับปรุงทะเบียน” เลือก “แจ้งปลูก”
2. เลือก “แปลงเอกสารสิทธิ์”
3. เลือก “กิจกรรมแจ้งปลูก เพื่อทำการแจ้งปลูก”
4. กรอกข้อมูล 3 ส่วน ประกอบด้วย
ส่วนที่ 1 พื้นที่ปลูก
หัวข้อ “แจ้งปลูก” วัน-เดือน-ปี ที่จะแจ้ง และต้องแจ้งหลังจากเพาะปลูกไปแล้ว 15 วัน และแจ้งได้ไม่เกินอายุของพืชแต่ละชนิดโดยปกติไม่เกิน 60 วัน หลังเพาะปลูก
หัวข้อ “วันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยว” ให้คาดการณ์วันตามชนิดพืชที่ปลูก แต่สำหรับไม้ยืนต้น ไม้ผล หากต้องการปลูกพืชชนิดเดิมตลอดทั้งปี ให้แจ้งเป็นช่วงสิ้นปีเพื่อครอบคลุมตลอดทั้งปี
ส่วนที่ 2 เนื้อที่ปลูก
เนื้อที่เพาะปลูก ต้องใส่ไม่เกินเนื้อที่เอกสารสิทธิ์ และไม่เพิ่มเนื้อที่จากปีที่เคยแจ้งปลูกไว้
ผลผลิตรวมที่คาดว่าจะได้รับทั้งหมดให้ใส่หน่วยเป็นกิโลกรัมโดยให้ใส่เป็นจำนวนเต็ม
ส่วนที่ 3 ประเภทเกษตรกรรมยั่งยืน
ให้ระบุประเภท หรือเลือกไม่ใช่เกษตรกรรมยั่งยืน
กดปุ่มสีเขียว “บันทึกการแจ้งปลูก”