ลูกยังไม่ถึง 1 ขวบ ร้องไห้ด้วยสีหน้าแปลกๆ พ่อแม่เอะใจทันที ตรวจเช็กกล้องในห้องนอนเด็ก จุกอกเห็นสิ่งที่ “พี่เลี้ยง” แอบทำตอนดึกๆ
กรณีเด็กเล็กในสิงคโปร์ถูกทำร้ายโดยบุคคลที่ควรจะดูแลและปกป้องเขาอย่างรอบคอบ สร้างความโกรธเคืองต่อความคิดเห็นของสาธารณชนเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันนี่เป็นคำเตือนสำหรับผู้ปกครองด้วยว่าอย่าไว้ใจผู้อื่นมากเกินไปในการดูแลลูกของตนเอง
คุณกัว (นามสมมุติ) ชายชาวสิงคโปร์ อายุ 36 ปี อาศัยอยู่กับภรรยา และลูกสองคน ลูกชายคนโตอายุ 3 ขวบ และลูกชายคนเล็กอายุเพียง 1 ขวบ เนื่องจากเป็นครอบครัวที่สามีภรรยาต่างทำงานหารายได้ ดังนั้นจึงจ้างแม่บ้านมาดูแลลูกชายคนเล็ก นับตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
“แม่บ้านมาจากฟิลิปปินส์ เธอบอกว่ามีลูกแล้ว จึงมีประสบการณ์ในการดูแลเด็ก” , “ลูกชายคนเล็กจะไปศูนย์ดูแลเด็กตอนกลางวัน กลับบ้านตอนเย็น จากนั้นแม่บ้านจะพาไปนอนในตอนกลางคืน” คุณกัวกล่าว
เมื่อไม่กี่วันที่จะรู้ความจริง เขาและภรรยาสังเกตเห็นรอยฟกช้ำบนตัวลูกชาย “ตอนนั้นผมไม่ได้สงสัยเธอเลย คิดว่าลูกอาจจะตีตัวเองด้วยซ้ำ” จนกระทั่งคืนวันที่ 23 กรกฏาคม เขาและภรรยาได้ยินเสียงลูกชายคนเล็กร้องไห้อย่างน่าสงสาร ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“คืนนั้นประมาณ 4 ทุ่ม พวกเราก็เตรียมตัวเข้านอนกันหมดแล้ว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงลูกชายตัวน้อยของเราร้องลั่น ผมถามแม่บ้านเธอก็บอกว่าไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ผมรู้สึกแปลกๆ เลยตรวจกล้องวงจรปิดในห้องนอนของลูก และก็เห็นแม่บ้านทุบหัวลูกชายตัวน้อยของผม... ตอนนั้นตกใจมากเลยไปถาม แต่เธอไม่ยอมรับ สุดท้ายต้องแจ้งตำรวจ”
เดิมทีคุณกัวคิดว่าเหตุการณ์ในคืนนั้นคงเป็นความรุนแรงเพียงครั้งเดียว แต่เมื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดย้อนหลังไปเรื่อยๆ ก็พบว่าแม่บ้านปฏิบัติต่อลูกชายคนเล็กเช่นนี้เสมอ ใช้ความรุนแรงกับเด็กทารกทุกครั้งที่ได้ยินเสียงร้องไห้ ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือกลางคืน ทั้งตบหน้า ตีหัว ดึงผม หิ้วแขนเพียงข้างเดียว และยัดจุกนมเข้าปากเพื่อทำให้เงียบเสียงร้อง ฉากดังกล่าวบีบคั้นหัวใจคนเป็นพ่อแม่อย่างมาก
“เธอไม่จำเป็นต้องดูแลลูกชายคนโต หรือทำหน้าที่แม่ครัว เธอแค่ต้องพาลูกชายคนเล็กเข้านอนตอนกลางคืน อาบน้ำให้ในตอนเช้า แล้วตามฉันไปส่งลูกชายคนเล็กไปที่ศูนย์ดูแลเด็ก ซึ่งกว่าลูกคนเล็กจะกลับมาอีกครั้งก็ 19.00 น. ตลอดเวลานี้แม่บ้านต้องทำความสะอาดห้องแค่ช่วงเช้า และได้พักผ่อนตลอดช่วงบ่าย…. เราคิดว่าเราปฏิบัติต่อสาวใช้อย่างดี แต่ไม่คิดว่าเธอจะรุนแรงกับลูกชายตัวน้อยที่ไร้เดียงสาของเราขนาดนี้”
นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาดูแลแม่บ้านคนนี้อย่างดี มอบซองอั่งเปาจำนวนไม่น้อยให้ในวันเกิด และตกลงยอมให้เธอเข้าเรียนหลักสูตรอนุปริญญา เพื่อให้เธอสามารถหางานที่มั่นคงกว่าการเป็นแม่บ้านได้ในอนาคต แต่สิ่งที่ได้รับตอบแทนมากลับเป็นการที่ลูกชายคนเล็กของเขาถูก “ทารุณกรรม” พ่อแม่รู้สึกสงสารลูกจนนอนไม่หลับ ฝ่ายคนเป็นแม่ได้รับผลกระทบมากจนไม่สามารถไปทำงานได้เลยด้วยซ้ำ
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าได้รับแจ้งความแล้ว และคดีอยู่ในระหว่างการสอบสวน โดยคุณกัวยังบอกด้วยว่า แม่บ้านปฏิเสธที่จะยอมรับในตอนแรก แต่หลังจากถูกตำรวจสอบสวนก็ทำเพียงส่งข้อความมาขอโทษ อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเด็ก และหวังว่าเขาจะยอมให้เธออยู่ทำงานในสิงคโปร์เพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกต่อไป
“เธอเอาแต่ปฏิเสธ ต่อมาผมจึงส่งวิดีโอหลักฐานห้ตำรวจ น่าจะเป็นตำรวจที่ซักถามเธอ แล้วเธอก็ส่งข้อความมาขอโทษ หวังว่าจะได้รับการอภัย แต่ผมไม่คิดว่าจะมีความจริงใจใดๆ ในข้อความของเธอ” สุดท้ายคุณกัวยังฝากเตือนไปยังทุกครอบครัวว่า “ผมหวังว่าครอบครัวที่จ้างแม่บ้านจะระมัดระวัง เราแค่เชื่อใจสาวใช้มากเกินไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงมีโอกาสล่วงละเมิดเด็กมาเป็นเวลานาน”