ครอบครัวเหยื่อเครื่องบินตกบางปะกง กอดกันร้องไห้ เผยเพิ่งทำงานโรงแรมได้แค่ 3 เดือน ก่อนเกิดเหตุยังถ่ายคลิปบนเครื่องส่งให้ดู
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2567 เวลา 18.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเกิดเหตุเครื่องบินเล็ก C208 เที่ยวบิน TFT209 สุวรรณภูมิ-เกาะไม้ซี้ จังหวัดตราด ตกบริเวณหลังวัดเขาดิน หมู่ที่ 6 ตำบลเขาดิน อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ทำให้มีผู้โดยสารชาวจีน 5 ราย พนักงานโรงแรม 2 คน และนักบิน 2 นาย สูญหายในบ่อโคลน
ในเวลาต่อมา ญาติของ นางสาวนภัค อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นพนักงานโรงแรมที่เกาะไม้ซี้ ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ โดยมีนางพเยาว์ อายุ 62 ปี และนายวรา อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพ่อแม่ของนางสาวนภัค พร้อมด้วยน้องสาว นางสาวกษิณา อายุ 31 ปี และญาติคนอื่นๆ รวม 7 คน เดินทางมาด้วยกัน
นางพเยาว์เล่าว่าตนและครอบครัวมาถึงจุดเกิดเหตุตั้งแต่เช้า แต่ไม่กล้าเข้าไปดูในจุดเกิดเหตุ แม้แต่ข่าวก็ไม่กล้าดู พวกเขาได้ไปดำเนินการเรื่องเอกสารที่สถานีตำรวจบางปะกงและการตรวจ DNA จากนั้นในช่วงเย็นจึงได้เข้ามาดูในที่เกิดเหตุอีกครั้งหลังจากเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่กลับไปแล้ว
นางสาวนภัคเป็นบุตรสาวคนโตของครอบครัว เธอเพิ่งได้งานใหม่เป็นหัวหน้าพนักงานต้อนรับที่โรงแรมบนเกาะไม้ชี้ และทำงานได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น นางพเยาว์กล่าวเพิ่มเติมว่าทางเจ้าหน้าที่แจ้งให้รอผลการตรวจ DNA ซึ่งคาดว่าจะทราบผลในวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2567 เพื่อที่จะทราบว่ามีชิ้นส่วนหรือศพของนางสาวนภัคหรือไม่
ด้านนางสาวกษิณา เล่าว่าเธอเพิ่งส่งพี่สาวขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิไม่นานก่อนเกิดเหตุ ซึ่งพี่สาวยังถ่ายคลิปวิวทิวทัศน์จากบนเครื่องบินส่งมาให้ดู และเธอยังแซวพี่สาวเล่นเกี่ยวกับการขึ้นเครื่องบิน เพราะพี่สาวเพิ่งเคยขึ้นเครื่องบินเพียง 2 ครั้ง ตั้งแต่เข้ามาทำงาน แต่หลังจากนั้นไม่นาน การติดต่อสื่อสารกับพี่สาวก็ขาดหายไป จนกระทั่งเวลา 14.47 น. เธอส่งข้อความถามว่า “ถึงหรือยัง” แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งปกติพี่สาวจะตอบแชทกลับมาตลอด
จนมาทราบข่าวจากเพื่อนของพี่สาวที่โทรมาแจ้งข่าวบอกว่า “อ่านข่าวหรือยัง ว่าเครื่องบินตก” จากนั้นทางโรงแรมยังได้ติดต่อมาอีกจึงทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยครั้งแรกยังไม่เชื่อ และไม่เชื่อเลยว่าจะเป็นพี่สาว และไม่กล้าที่จะดูอะไรเลยทั้งข่าวทั้งอะไร เพราะไม่มีลางบอกเหตุอะไรมาก่อนและไม่คิดว่าจะใช่
และหลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าผลการตรวจอีเอ็นเอที่จะออกมาในวันจันทร์นั้น จะพบเจอของพี่สาวด้วยหรือไม่ เพราะจากการสอบถามจากทางอาสาสมัครกู้ภัยแล้ว ยังไม่มีใครพบเห็นเครื่องแต่งกายหรือสิ่งของใช้และของติดตัวที่ตรงกันกับของพี่สาวเลย โดยสิ่งที่เขาส่งมาให้ดูทั้งกระเป๋าและอะไรต่างๆ ที่พบก็ไม่ใช่ของพี่สาวเลยแม้แต่ชิ้นเดียว โดยกระเป๋าของพี่สาวที่ติดตัวไปเป็นกระเป๋าคาดสะพายไหล่สีส้ม
หลังเข้ามาที่เกิดเหตุครอบครัวของผู้สูญหายต่างพากันร้องไห้และกอดกันแน่น เมื่อเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางผู้คนจำนวนมากที่เข้ามาดูสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุได้ปิดเส้นทางไม่ให้คนเดินเข้ามาเพิ่มเติม