แทบจะเป็นไปไม่ได้! ครูเกษียณยังไม่อยากเชื่อ รถเก๋งหายไป 7 ปี ตร.ตามจนเจอ หลังหลานชายเอาไปจำนำ จนโดนอายัดเงินปันผลของสหกรณ์ 3 ปี
วันที่ 4 ม.ค.67 ที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา น.ส.สมศิล สิทธินอก อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการครูเกษียณอายุ เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.เอกชัย ขุมเพ็ชร รอง สว.ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล., ร.ต.อ.ประธาน จตุพันธ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.1บก.ทล. เพื่อขอรับรถเก๋งของตัวเองคืน หลังหายไปนานถึง 7 ปี
ทันทีที่มาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา แล้วพาไปดูรถเก๋งฮอนด้า ซิตี้ สีดำ น.ส.สมศิล ถึงกับมีรอยยิ้มแล้วพูดออกมาว่า ดีใจมากที่ได้รถเก๋งกลับคืนมาแล้ว หายไปนานกว่า 7ปี
น.ส.สมศิล กล่าวว่า รถเก๋งคันดังกล่าว เป็นชื่อของตน ออกรถให้หลานชายไปผ่อนต่อตั้งแต่ปี 2557 แรกๆ เห็นหลานชายเวลากลับบ้านจะขับรถไป ต่อมาไม่ค่อยเห็นขับรถเก๋งกลับมาบ้าน จนปี 2560 บริษัทไฟแนนซ์ส่งเอกสารติดตามทวงถามค่างวดผ่อนรถยนต์ ซึ่งเป็นเงินก้อนใหญ่ จึงสอบถามหลานชายแรกๆ บอกว่ามีปัญหาเรื่องการเงินส่งไม่ทัน
ต่อมาไฟแนนซ์เร่งรัดให้นำรถเก๋งมาส่งคืน พร้อมกับชำระเงินที่ค้างชำระจะถูกดำเนินคดี จึงสอบถามหลานชายจนยอมรับว่าเอาไปจำนำทางออนไลน์และติดตามหารถคืนมาไม่ได้ ส่วนตนมีบำนาญไม่เพียงพอต่อการนำเงินไปชำระหนี้สินที่ค้างเอาไว้ จากนั้นก็มีหมายศาลมาอายัดทรัพย์สิน เป็นเงินปันผลของสหกรณ์ออมทรัพย์ ปีละ 50,000 บาท เป็นเวลา 3 ปี รวมเป็นเงิน 150,000 บาท ครบยอดหนี้ที่ค้าง
จึงมอบอำนาจให้น้องสาวนำเงินไปปิดยอดที่บริษัทไฟแนนซ์ แต่ไม่ได้ทำเรื่องเพื่อขอรับคู่มือจดทะเบียนรถกลับมา เพราะไม่รู้จะเอามาทำอะไร ตามหารถเก๋งไม่เจอ คิดว่าคงจะไม่ได้รถกลับคืนมาและเสียเงิน 150,000 บาทไปฟรีๆ
จนกระทั่งมีตำรวจโทรศัพท์ติดต่อไปหาตนหลายครั้ง เพื่อให้มารับรถคืน แต่ตนไม่เชื่อคิดว่าเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จึงตัดสายทิ้งและบล็อกเบอร์ดังกล่าว แต่ตำรวจก็ไม่ย่อท้อ ติดต่อไปยัง สภ.เสิงสาง จ.นครราชสีมา ให้ช่วยไปตามตนที่บ้าน พร้อมกับอธิบายให้เข้าใจว่าตำรวจทางหลวงจับคนที่นำรถเก๋งตนมาใช้โดยการสวมทะเบียน พร้อมกับคลิปวิดีโอที่เป็นข่าวให้ตนดูว่ามีการติดตามรถเก๋งของตนมาได้จริงๆ ตนจึงเชื่อ
และวันนี้จึงเดินทางมารับรถเมื่อเห็นรถก็ดีใจสุดๆ ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับตนที่ได้รถคืน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงอยุธยา ที่ทำงานอย่างละเอียดและสามารถนำรถเก๋งของตนกลับคืนมาได้
ด้าน ร.ต.อ.เอกชัย เปิดเผยว่า ตำรวจทางหลวงได้ออกตรวจในพื้นที่พบรถเก๋งคันดังกล่าว เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.66 พอตรวจสอบทะเบียนไม่พบในระบบขนส่ง จึงเรียนตรวจสอบ โดยเจ้าของรถอ้างว่าลูกชายให้มาใช้ เอกสารก็ไม่มี มีการสวมทะเบียนปลอม ป้ายภาษีปลอม จึงตรวจยึดและดำเนินคดีตามกฎหมาย
จากนั้นได้ตรวจสอบหมายเลขเครื่อง จนทราบว่าผู้เสียหายเป็นผู้เช่าซื้อ มีการชำหนี้กับบริษัทไฟแนนซ์แล้ว จึงพยายามติดต่อให้มารับรถคืน แต่ผู้เสียหายกดสายทิ้ง จึงประสานกับตำรวจในพื้นที่ของผู้เสียหายให้ช่วยติดตามมารับคืน