ภูทับเบิกหวิดปะทะ ชาวบ้านฮือต้าน จนท.จะเข้ารื้อถอนรีสอร์ตรุกอุทยานฯ ‘ชัยวัฒน์’ ชี้คำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ด้านเจ้าของยันไม่เคยมีหมายศาลมาแจ้ง
วันที่ 22 ม.ค. 2567 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช นำกำลังเจ้าหน้าที่กรมอุทยานร่วมกับอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สบอ.11 ฝ่ายปกครอง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนธิกำลังกันที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติฯ ทับเบิก เพื่อรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ตที่รุกล้ำเข้ามาในพื้นที่อุทยานฯ พื้นที่กว่า 1 ไร่
ซึ่งจุดนี้เกิดเป็นคดีความเมื่อปี 2560 ศาลมีคำพิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 3 เดือน และรอลงอาญาไว้ แต่จำเลยคนเดิมกลับมาบุกรุกซ้ำอีก ซึ่งคดีถือเป็นที่สิ้นสุดแล้ว แจ้งให้รื้อถอนแล้วแต่กลับไม่ยอมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไป เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้อำนาจตามกฎหมายเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวเมื่อเจ้าหน้าที่ถึงหน้าทางขึ้นรีสอร์ต พบว่ามีชาวบ้านนำรถไถเข้ามาปิดทางขึ้นรีสอร์ตเอาไว้ และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปรื้อถอน เจ้าหน้าที่พยายามขอขึ้นไปชี้แนวเขตอุทยานฯ ชาวบ้านก็ไม่ยอม กังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมและถูกเจ้าหน้าที่กลั่นแกล้ง พร้อมกับขอหมายจากศาลในการรื้อถอน เจ้าหน้าที่พยายามอธิบายว่าจุดดังกล่าวคดีสิ้นสุดแล้วและศาลมีคำพิพากษา
โดยมีนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ฯ เข้าพูดคุยเจรจา พร้อมนำเอาคำพิพากษาเมื่อปี 60 ที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วอ่านให้กลุ่มชาวบ้านฟัง ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวได้พิพากษาถึงที่สุดแล้วและมีการรื้อถอนไปแล้วเรียบร้อย แต่ชาวบ้านไม่ยอมต้องใช้ความพยายามในการเจรจาแบบละมุนละม่อม เป็นระยะตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น
เจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานฯ ได้จัดแบ่งกำลังออกเป็นสองชุด ชุดแรกอยู่ด้านหน้า ชุดที่สองไปด้านหลัง ชาวบ้านจึงแบ่งกำลังไปต่อต้านทั้งด้านหน้าและด้านหลังเช่นเดียวกัน ทำให้สถานการณ์ดูตรึงเครียด แต่ไม่มีเหตุรุนแรงใดๆ เกิดขึ้นนายปิยวัฒน์ แซ่เถา กล่าวว่า แปลงที่ถูกดำเนินคดีเมื่อปี 2560 เป็นของรายอื่น ไม่ได้เกี่ยวกับพื้นที่ของตนเลย ส่วนแปลงที่ถูกจับเมื่อปีที่แล้วไปนั้นเป็นแปลงของตนที่ให้แฟนเป็นคนทำ ตอนนี้คดีอยู่ในชั้นอัยการ ยังไม่ได้ส่งฟ้องศาล ตนได้ร้องขอไปทางอุทยานฯ ว่าถ้ายังไงก็รอให้ศาลเขาตัดสินก่อนว่ายังไง
นายปิยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ถ้าศาลยืนว่าบุกรุกเขตอุทยานฯ ตนจะถอยออกมาและรื้อออกให้ เพราะตั้งแต่อุทยานประกาศเมื่อปี 2555 ทางเจ้าหน้าที่ไม่เคยมีหนังสือมาแจ้งและไม่เคยมีเจ้าหน้าที่มาแจ้งเลยว่าที่ดินของตนอยู่ในเขตอุทยานฯ ตนจึงไม่ยอมรับว่าตรงนี้เป็นเขตอุทยานฯ
นายปิยวัฒน์ กล่าวอีกว่า ตนใช้พื้นที่ทำการเกษตรเรื่อยมา แต่จะมีการพักเป็นบางปีหรือสองปี แล้วก็มาถางแล้วทำใหม่ กระทั่งปี 2562 เปลี่ยนอาชีพจากการเกษตรมาทำเป็นที่พักโฮมสเตย์ ให้ลูกค้าได้เข้าพัก เพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัวจนกระทั่งปัจจุบัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ได้ถอนกำลังกลับที่ตั้ง โดยสามารถรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างได้บางส่วน คาดว่าน่าจะมีการหารือเพื่อหาแนวทางเข้ารื้อถอนอีกครั้ง