หมดทางไปต่อ แม่ค้าออนไลน์ เกือบคิดสั้น กู้เงิน 1 หมื่น เจอดอกมหาโหด จ่ายค่าปรับเป็นรายชั่วโมง ยอดทะลุไป 7 หมื่น ลูกชายทำงานช่วย ยอมกินข้าววันละมื้อ
นนทบุรี : เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 25 ม.ค.2567 ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจ กล้าที่จะก้าว พา น.ส.น้ำตาล (นามสมมติ) อายุ 43 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้ามือสองออนไลน์ พร้อมหลักฐานการกู้เงินนอกระบบอัตราดอกเบี้ยมหาโหด เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์
ผกก.สภ.บางบัวทอง และ นายปวีณรัช ปาระมีศรีปลัดอำเภอบางบัวทอง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง
หลังจากที่ น.ส.น้ำตาล ไปกู้เงินจาก น.ส.กุ๊ก สมาชิกที่ร่วมวงแชร์ที่รู้จักกัน เพื่อนำมาช่วยเหลือรักษาน้องชายที่ประสบอุบัติเหตุ โดยเมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 น.ส.น้ำตาลขอกู้เงินมา 10,000 บาท กำหนดคืนเงินวันที่ 17 ม.ค.67 ในอัตราดอกเบี้ยวันละ 1,300 บาท คิดจำนวนวันกู้ 12 วัน รวมดอกเบี้ย 15,600 บาท รวมยอดเงินที่ต้องคืน 25,600 บาท
แต่ น.ส.น้ำตาลไม่สามารถหาเงินมาจ่ายคืนได้ จึงถูกนำยอดเงินต้นรวมดอกที่ค้างอยู่จำนวน 25,600 บาท ทำสัญญาใหม่บวกค่าทำสัญญาอีก 2,000 บาท เป็นเงินต้นใหม่ 27,000 บาท ให้กำหนดชำระคืน 26 ม.ค.67
ยกยอดเงินต้นใหม่มา 27,000 บาท บวกดอกเบี้ยเก่า 1,300 บาทต่อวัน ค่าปรับอีก 1,000 บาท และอัตราค่าดอกเบี้ยรายชั่วโมงอีก 2,400 บาท รวมดอกเบี้ยใหม่ที่ต้องจ่ายทุกวัน เป็น 4,700 บาท รวมยอดที่ต้องจ่ายเมื่อถึงวันที่ 26 ม.ค.เวลา 15.00 น. เป็นเงิน 69,300 บาท
ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.67 น.ส.น้ำตาล ขอกู้เงินเพิ่มอีก 30,000 บาท เนื่องจากแม่ป่วยกะทันหัน มีกำหนดคืนเงินวันที่ 26 ม.ค.67 คิดอัตราดอกเบี้ยวันละ 2,500 บาท รวมทั้งหมด 17 วัน คิดดอกเบี้ยรวม 42,500 บาท โดยในวันที่ 26 ม.ค.ต้องจ่ายคืนเจ้าหนี้เป็นเงิน 72,500 บาท ทั้งนี้ น.ส.น้ำตาล กู้เงินมาทั้ง 2 ยอดต้องจ่ายเงินคืนในวันที่ 26 ม.ค.รวมเป็นเงิน 141,800 บาท
โดย น.ส.น้ำตาล เปิดเผยทั้งน้ำตาให้ฟังว่า ตนไม่ได้คิดจะหนีหนี้ที่กู้ยืมมาเลย แต่รู้สึกว่าเขาคิดดอกเบี้ยมันเยอะเกินไป ดอกเบี้ยตนพร้อมที่จะจ่ายให้ แต่เรื่องค่าปรับมันหนักมาก ไป ซึ่งในข้อตกลงกู้เงินนั้น ตนเป็นคนยอมรับตามที่เขาเสนอมา
ตนผิดตั้งแต่ที่เข้าไปหาเพื่อให้เขาช่วยเหลือเรื่องนี้ตนยอมรับ แต่ดอกเบี้ยที่เขาคิดกับตนวันละ 1,300 บาท มันก็น่าจะจบที่ 1,300 บาทแล้ว แต่ยังมีกรณีที่ตนจ่ายช้าหรือจ่ายข้ามวันหรือรายวันก็น่าจะปรับตนแค่วันละ 1,300 บาท ซึ่งตนก็ถือว่าเยอะอยู่แล้ว แต่เขากลับปรับตนเป็นรายชั่วโมง โดยคิดชั่วโมงละ 100 บาท
แต่ถ้าเลยเที่ยงคืนจะปรับเพิ่มอีก 1,000 บาท หลังจากตี 1 ไปจนถึงเที่ยงวันจะปรับอีก 1,200 บาท มันไม่มีคำว่าสิ้นสุด เท่ากับค่าปรับรายวัน 3,400 บาท ยังไม่รวมดอกที่ต้องจ่ายให้เขาอีก 1,300 บาทต่อวัน ซึ่งตกแล้วตนจะจ่ายถึงวันละ 4,700 บาท
น.ส.น้ำตาล กล่าวว่า ตอนนี้ตนไม่สามารถส่งดอกเบี้ยได้ไหวแล้ว ไม่รู้จะหาอะไรไปขายแล้ว เพราะขายไปจนหมดตัวแล้ว รถขาย ทองขาย ตอนนี้เหลือแต่ชีวิตที่ไปต่อไม่ได้แล้ว ตอนนี้เป็นห่วงแม่กับห่วงลูก แม่ตนสุขภาพไม่ค่อยดีไม่อยากให้เขาไปคุกคามแม่ หรือคนในบ้านตนที่เขาไม่เกี่ยวไม่รู้เรื่องนี้เลย
ขอแค่คุยแล้วจบกับตนได้ตนก็พร้อมที่จะทำให้ อย่างที่ตนเล่นแชร์กับเขา ตนเป็นลูกแชร์ที่ดี ส่งตรงเวลาตลอดไม่เคยพลาด ซึ่งแชร์ในเดือนหน้าตนต้องได้รับอยู่ประมาณ 100,000 บาท ที่เล่นกับเขามา 2 ปีก็น่าจะถูกเขายึดไปอีก
แชร์วงนี้ตนตั้งใจเล่นไว้เพื่อเตรียมจะบวชลูกชายของตน แต่ดูแล้วตนคงจะไม่ได้เงินแน่นอน ลูกชายตนคงไม่ได้บวช เขาคงเตรียมยึดเงินแชร์ตนไปแทน เพราะมีหลายคนที่โดนกระทำแบบนี้มาแล้ว แต่ไม่มีใครกล้าไปทวงอะไรกับเขา
ส่วนชีวิตตนในตอนนี้แค่ห่วงลูกกับแม่เท่านั้น ตนรู้ว่าเป็นหนี้ก็ต้องใช้คืน แต่ล่าสุดเงินที่ตนกู้มาแค่ 10,000 บาท แต่ต้องจ่ายคืนทั้งหมดพร้อมดอกเบี้ยถึง 70,000 กว่าบาท มันทำให้ตนหาจ่ายไม่ไหว
น.ส.น้ำตาล กล่าวต่อว่า ดอกเบี้ยเงินกู้และค่าปรับมันหนักหนาสาหัสสำหรับตนมาก ตอนนี้ตนมีหนี้อยู่ 2 ยอดที่จะต้องจ่ายเขาทั้งหมดประมาณ 150,000 บาท บางวันต้องจ่ายให้เขา 5,200 บาท บางวันหาเงินให้ลูกชายไปจ่ายค่าสมัครเรียนก็ต้องให้ลูกโอนกลับมาก่อนเพื่อเอาไปจ่ายหนี้เขาก่อน ไม่งั้นเขาก็จะปรับอยู่แบบนี้ตลอดไป
ถ้าไม่จ่ายเขาก็ขู่จะตามมาคุกคามด้วย โดยเขาเคยประกาศเอาไว้ว่าไม่มีใครมาช่วยเคลียร์ให้ได้ มีบางคนกู้เงินไป 5,000 บาท ก็รับผิดชอบหนี้ที่เพิ่มตามไปเป็นเงิน 140,000 บาทมาแล้ว ซึ่งตอนนี้เขาก็รอว่าตนจะหาทางไปต่อยังไง ทั้งๆ ที่ตนก็ทั้งกลัวทั้งหลังพิงฝาแล้ว ทรัพย์สินที่มีก็ขายไปหมดแล้ว ทั้งทอง ทั้งรถยนต์ ก็ขายเอาเงินไปให้เขาหมด
ทุกวันนี้ลูกชายตนต้องทำงานมากกว่าวันละ 12 ชั่วโมง และกินข้าวเพียงแค่วันละมื้อเพื่อเก็บเงินมาช่วยเหลือตน จนตนรู้สึกสงสารลูกชายกับสิ่งที่ตนผู้เป็นแม่ได้ก่อขึ้น จนไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งพาใครแล้ว ซึ่งตนเคยคิดสั้นไปยืนอยู่บนกลางสะพานมาแล้ว จนกระทั่งได้พูดคุยกับทางเพจที่อาสายื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือกับตน ทำให้ตนเปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย
ด้าน นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า วันนี้พาผู้เสียหายมาที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อแจ้งความเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงเอาไว้ก่อน เพราะกู้ มา 20,000 บาท เจอดอกเบี้ยวันละ 1,300 บาท โดยรวมแล้วต้องส่งคืนทั้งหมดกว่า 70,000 บาท อย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายเพราะคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
รวมทั้งยังมีการแอบอ้างว่า มีแม่ที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานราชการระดับสูง จนมีการนำเครื่องแบบของแม่มาใส่เครื่องแบบเพื่อใช้ทวงหนี้ ทำให้คนที่กู้ยืมเงินมาเกิดความเกรงกลัวเป็นอย่างมาก และยังทราบว่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายรายมาเข้าแจ้งความเพิ่มเติม
ซึ่งตนจะขอตรวจสอบสัญญากู้ยืมเงินรายอื่นๆเสียก่อน หากมีผู้เสียหายที่ตกเป็นเหยื่อนายทุนเงินกู้มหาโหดรายนี้เพิ่มเติม ตนพร้อมจะพาไปที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อไปร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาลต่อไป
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า อันดับแรกคือข้อหาเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา เท่าที่ดูเอกสารข้อหานี้ค่อนข้างชัดเจน ขณะนี้กำลังรอการสอบสวนว่าจะไปถึงข้อหาอะไร เอาผิดในข้อหาใดได้บ้าง เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลที่สั่งกำชับมา ซึ่งเข้าข่ายข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินโดยละเอียด
ด้าน นายปวีณรัช ปาระมีศรี ปลัดอำเภอบางบัวทอง กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย จัดตลาดนัดแก้หนี้ในทุกอำเภอและทุกจังหวัด สำหรับลูกหนี้ถ้าประสบปัญหา สามารถมาร่วมกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้ หรือมาลงทะเบียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ หรือให้คำปรึกษาข้อกฎหมายกับลูกหนี้ ถ้ายังอยู่ในกระบวนการที่ยังไกล่เกลี่ยได้ ก็จะใช้การไกล่เกลี่ยก่อนในเบื้องต้น
แต่ถ้ามีการกระทำผิดกฎหมายไกล่เกลี่ยไม่ได้แล้ว และประสงค์ดำเนินคดีกับเจ้าหนี้เป็นเรื่องการแจ้งความดำเนินคดี ทางอำเภอจะส่งเรื่องไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สำหรับผู้เสียหายรายนี้ทางอำเภอจะประสานขอดูรายละเอียดอาชีพของลูกหนี้อีกครั้ง พร้อมทั้งประสานสถาบันการเงินว่าสามารถขอกู้เงินในระบบได้หรือไม่ และหากติดขัดตรงส่วนไหน ทางอำเภอจะเข้าดำเนินการช่วยเหลือเพื่อให้เป็นไปตามขั้นตอนเพื่อนำลูกหนี้เข้าสู่ระบบให้ถูกต้องต่อไป
