“ทนายอั๋น” เดือดจัด ทวงถาม กกต. ปม “เรืองไกร” ร้องสอบคดีหุ้นสื่อ “พิธา” ส่อนำหลักฐานเท็จเข้าสู่ระบบ ลั่นต้องติดคุก ลุยเอาผิดคนร้องทั้งหมด
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2567 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋นเข้ายื่นเรื่องต่อ กกต. เพื่อทวงถามกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เคยยื่นเรื่องหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต่อกกต.
ซึ่งอาจจะเข้าข่ายยื่นความเท็จ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัย นายพิธา ไม่พ้นสมาชิกภาพ สส. เนื่องจากบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้ประกอบกิจการหรือมีรายได้จากกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า เนื่องด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา กรณีถือครองหุ้นไอทีวีของนายพิธา ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า บริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ไม่ได้มีสภาพเป็นสื่อสารมวลชน วันนี้ตนจึงมาเตือนความทรงจำระหว่างตนกับนายเรืองไกร และกกต.
เนื่องจากเมื่อเดือนพ.ค.66 นายเรืองไกรมายื่นกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา อีกทั้งต่อมานายเรืองไกรได้มาให้ถ้อยคำกับ กกต.ในเรื่องดังกล่าว และยังมีเอกสารรายงานการประชุมของผู้ถือหุ้นไอทีวีที่นายเรืองไกรนำมายื่นเพิ่มกับกกต.อีก หลังจากนั้นมีการเผยแพร่สื่อออนไลน์ว่า สิ่งที่นายเรืองไกรนำมานั้น เป็นการเอาพยานหลักฐานเข้าสู่ระบบ กกต. อาจจะเป็นเท็จ
และวันที่ 12 มิ.ย.66 ตนมาร้องเรียนกับกกต. ว่าให้ตรวจสอบนายเรืองไกรที่ได้นำเอกสารมาอาจเป็นเท็จ ดังนั้น จึงให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายเรืองไกร ไม่ว่าจะเป็นการให้ถ้อยคำ การนำเข้าสู่ระบบของกกต.ด้วยพยานเอกสารทั้งหลายนั้น น่าจะเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตรา 143 โทษจำคุก 7-10 ปี
วันนี้ตนมารอดูว่า กกต.จะเอาอย่างไร ซึ่งวันที่ 19 ก.ค.66 ตนมายื่นยุบพรรคภูมิใจไทย ดูว่ากกต.จะชงเรื่องไหนไปศาลรัฐธรรมนูญก่อน
วันนี้ตนกับนายเรืองไกรวัดกันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ให้ติดคุกกันไปข้างหนึ่ง ไม่ว่าจะออกมาหน้าไหน นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ก็ตาม และท้ายที่สุดพรรคก้าวไกลจะโดนยุบตนไม่สนใจ แต่ตนสนใจแค่หุ้นไอทีวี และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. มาตา 143 นายเรืองไกรต้องติดคุก วันนี้กกต.ต้องแตะหรือถีบนายเรืองไกรออกมา อย่าอุ้ม
“ผมยืนยันมาตลอดว่าหุ้นสื่อไอทีวี ไม่มีสภาพเป็นหุ้นสื่อ ผมตามไปที่ศาลรัฐธรรมนูญขอให้ศาลตีตกเพราะมันไร้สาระ และเคยมาให้กกต.ชะลอเรื่องนี้ แต่เท่าที่ดูปฏิกิริยาของนายเรืองไกรก่อนวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเรื่องหุ้นไอทีวี นายเรืองไกรได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า นายพิธาน่าจะหลุดกรณีหุ้นสื่อ แบบนี้โทษนะ แล้วคุณยื่นไปทำไม
พอหลังจากศาลวินิจฉัยแล้ว นายเรืองไกรให้สัมภาษณ์อีกว่า ทำตามรัฐธรรมนูญ ทำตามหน้าที่ตรวจสอบ จึงอยากถามว่ามีรัฐธรรมนูญฉบับไหน มีมาตราไหนที่อนุญาตให้คนไปร้อง แล้วเอาหลักฐานเท็จเข้าสู่ระบบ
วันนี้ผมไม่ปล่อยนายเรืองไกร และเรื่องนี้นายเรืองไกรต้องติดคุก หากมีการร้องเรียนอยากร้องก็ร้องไป แต่ถ้าเป็นการร้องเรียนเพื่อกลั่นแกล้งกัน แล้วเกิดความเสื่อมเสีย สร้างความวุ่นวาย แบบนี้มันจะไม่ต้องมีคนรับผิดชอบหรือ โดยเฉพาะกรณีนี้ที่นายเรืองไกรนำหลักฐานเท็จเข้าสู่ระบบ กกต. แล้วจะลอยหน้าลอยตาได้อย่างไร ผมไม่ยอม” นายภัทรพงศ์ กล่าว
นายภัทรพงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนทราบว่าเรื่องร้องเรียนกรณีหุ้นสื่อ มีนายศรีสุวรรณ จรรยา นายสนธิญา สวัสดี และกลุ่มสว.ด้วย เอาเป็นว่าไม่ว่าใครหน้าไหน หน่วยงาน หรือองค์กรไหนที่บังอาจนำหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบกกต. แล้วส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญ จนนำมาซึ่งการไต่สวนแล้วนำมาสู่การวินิจฉัย ใครบังอาจทำแบบนั้นต้องโดนหมด