เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ ได้รับรายงานว่า ที่ สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี นายประทีป สันป่าแก้ว ผู้ช่วย ส.ส. จ.นนทบุรี เขต 7 ได้พา นายมงคล รัตนไพบูลย์ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/10 หมู่ที่ 7 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี มาพบ ร.ต.ท.วีรชัย มงคลไทร รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี เพื่อ สอบปากคำเพิ่มเติม หลังจาก แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเรื่องที่ดิน เนื้อที่ 200 ตารางวา ถูกเปลี่ยนชื่อไปเป็นของคนอื่นตั้งแต่ปี 60 โดยเปลี่ยนเป็นชื่อของนางสาวรัตนภา รัตนไพบูลย์ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายมงคล โดยตอนเอาไปอ้างว่าจะไปสับเปลี่ยนที่ดินกัน แต่เนื่องจากไม่รู้หนังสือ จึงถูกฮุบที่ดินจำนวน 2 งาน ที่เป็นที่ดินมรดกที่พ่อแม่แบ่งให้
นายมงคล กล่าวว่า พึ่งมารู้ว่าที่ดินกลายเป็นชื่อของน้องชาย และน้องสาว เมื่อวันที่ 7 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เนื่องจากจะไปทำเรื่องจดทะเบียนยินยอมเปิดทางเข้าออก จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับน้องเลย เขาหลบหน้าหลบตาไม่กล้ามาคุย ส่วนแม่ก็ยังมีชีวิตอยู่แต่แม่แก่แล้วไม่รู้เรื่อง อายุ 73 ปี แล้ว จนล่าสุดขณะนี้เขาปิดบ้านหมดไม่ให้ตนเองเข้าไปพบแม่ และเขาปิดกั้นทางหมดไม่ให้ผ่านเลย
สาเหตุที่อ่านหนังสือไม่ออกเพราะตอนเด็กออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยพ่อแม่ทำงาน และส่งเงิตให้น้องเรียนหนังสือ แต่เมื่อโตมาน้องยังมาโกงที่ดินที่พ่อแม่แบ่งให้ตนอีก อยากขอคืนที่ดินแปลงดังกล่าวคืน เพราะตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ก่อนหน้านี้มีทองน้ำหนัก 2 บาท ได้นำไปฝากไว้กับน้องสาว สุดท้ายน้องสาวมาบอกว่าเป็นทองปลอม
วันนี้มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนเพื่อให้ดำเนินคดีกับ 1. นางสาวรัตนภา หรือ ธัญญ์ชินัน รัตนไพบูลย์ 2. นายนพดล รัตนไพบูลย์ 3.น.ส.จรีรัตน์ รัตนไพบูลย์ ที่ได้หลอกให้เซ็นต์ชื่อ และหลอกว่าเป็นการสลับที่ดิน แต่ตนเองอ่านหนังสือไม่ออก จึงเซ็นต์ชื่อให้ไป จนมาทราบเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2567 ว่าที่ดินของตนเองะปลี่ยนเป็นชื่อของคนอื่นไปแล้ว
นายประทีป สันป่าแก้ว ผู้ช่วย ส.ส. กล่าวว่า วันนี้พานายมงคลมาพบพนักงานสอบสวน เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 7 นายมงคลได้มาแจ้งความไว้แล้ว เรื่องถูกฉ้อโกงที่ดินจากญาติพี่น้องเขา 3 คน หลังจากที่เข้าแจ้งความได้พาเข้าพบกับที่ดินจังหวัด โดยที่ดินจังหวัดได้ระงับการทำธุรกรรมไว้แล้ว ซึ่งต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน วันนี้จึงพามาโรงพักเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมให้รอบคอบและรัดคลุม เพื่อให้เขาได้ที่ดินกลับมาคืนเป็นของเขา จากการที่ลงพื้นที่ตรวจสอบก็พบว่านายมงคล เป็นคนที่ดูแลครอบครัว และดูแลพี่น้องมาโดยตลอด ถือว่าเป็นผู้เสียสละ ขณะที่พี่น้อง 3 คนนี้ ต้องการสลับแปลงที่ดินเท่านั้นแต่อาศัยว่านายมงคลไม่รู้หนังสือ อ่านไม่ออกเขียนแต่ชื่อนามสกุลตัวเองได้เพียงอย่างเดียว แล้วพากันไปที่ที่ดินจังหวัดแล้วให้นายมงคลเซ็นแล้วใช้กลอุบายหรือให้การเท็จต่อเจ้าพนักงานที่ดินก็ได้ ก็อาจจะมีความผิดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ทั้งนี้เป็นความเชื่อใจกันระหว่างพี่น้องที่ให้นายมงคลไปเซ็นชื่อสลับแปลง นายมงคลเขาก็ตามใจสลับให้ จริงๆอยากให้พี่น้องเขาประนีประนอมกันคืนที่ให้นายมงคลซะเพราะเขาอาจจะไม่ตั้งใจ หรืออาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่พักของ นายมงคล พบ นางจุก ซึ่งเป็นน้องสะใภ้ และเป็นเมียของนายอุดม รัตนไพบูลย์ อายุ 55 ปี น้องชายนายมงคล ได้นำโฉนดที่ดินมาชี้และกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้เดิมเป็นของนายมงคล ปัจจุบันเป็นของนางสาวรัตนภา หรือชื่อใหม่คือนางสาวธัญชินันท์ แล้วแปลงอื่นๆก็เป็นของนายประคอง นายอุดม นางสาวจรีรัตน์ ส่วนอีกแปลงก็จะเป็นของนางสาวจิรารัตน์กับนพดล มีชื่อร่วมกัน อีกแปลงเป็นของ นายนภดล และณัฐนพิน
น้องสะใภ้ กล่าวว่า ต่อมาทั้ง 3 คนบอกนายมงคลว่า พาไปสลับแปลงที่ดินกัน โดยให้นายมงคลสลับมาเป็นเจ้าของแปลงของนายนพดล แต่หลังจากไปทำเรื่องแล้วนายมงคลไม่มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินเลยสักแปลง ซึ่งนายมงคลเพิ่งมารู้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 67 ที่ไปทำเรื่องยื่นให้แปลงของนายมงคลและแปลงของนายอุดม เป็นภาระจำยอมให้ที่ทุกแปลงเพื่อเป็นทางผ่านออกไปถนน หลังจากนายมงคลทราบเรื่องว่าไม่ได้มีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินจึงไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง
ด้านนายอุดม รัตนไพบูลย์ อายุ 55 ปี น้องชายนายมงคล เจ้าหน้าที่กองคลังองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต)ไทรน้อย กล่าวว่า รู้เรื่องราวของนายมงคลพี่ชายคนโตมาโดยตลอด แม่แบ่งที่ดินให้ไม่เท่ากันแต่จะได้กันคนละ 2 งานขึ้น อาจจะมีเศษนิดหน่อย บางคน 2งาน 50 ตารางวาพร้อมบ้าน 2 หลัง การแลกแปลงที่ดินก็รู้ว่าจะไปจดภาระจำยอมกัน จึงรู้ว่าชื่อนายมงคลพี่ชายไม่มีชื่อเป็นเจ้าของแล้ว กลายเป็นชื่อน้องสาว ตนก็เพิ่งรู้พร้อมกับนายมงคลในวันนั้น เพราะผมต้องไปจดภาระจำยอมเช่นกัน
นายอุดม กล่าวอีกว่า ก็อยากให้พี่ชายได้รับความยุติธรรมในตัวเขาด้วย เพราะถูกข่มเหงรังแกมานาน เขาก็ลำบากมีโรคประจำตัวเป็นโรคหัวใจ เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยไม่มีใครดูแล น้องก็ไม่มาดูแล ข้าวปลาเขาก็ช่วยเหลือตัวเองไม่มีใครมาหุงให้กิน เขามีเพื่อนอยู่ตรงท้ายแปลงที่ดินอาศัยกระต๊อบอยู่ ก็อาศัยข้าววัดมากิน ตอนนี้เขาให้ไปอยู่ปลายนาแต่บ้านก็ถูกตักน้ำตัดไฟหมด
นายอุดม กล่าวอีกว่า ส่วนตอนนี้นายมงคลและตัวผมเอง ก็เข้าหาแม่ไม่ได้ เพราะมีเรื่องฟ้องร้องกันอยู่เป็นคดีที่เขาหาว่าผมไม่เลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ตามจริงผมมาทุกเดือนแม่เดือดร้อนก็ให้เงินครั้งละ 20,000-30,000 บาท ผมทำงานอยู่ที่อบต.ไทรน้อย
ผมก็กระดากใจผมละอายใจ ก็อยากจะให้พี่น้องคืนที่ดินให้แก่นายมงคลไป น้องน่าจะรู้อยู่แก่ใจเพราะเขาตั้งใจเอาที่ของพี่หมด เพราะว่านายมงคลสุขภาพไม่ดีเขาผ่าตัดเขาเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาต เขาจะตายเมื่อไรไม่รู้ แต่พอดีพี่เขาไม่ตายหลังจากผ่าตัดหัวใจเมื่อปี 60 หลังจากผ่ามา 2 ปีเขาก็เดินไม่ค่อยไหว ยังเป็นอัมพาตอยู่ซีกหนึ่งเขาก็ลำบาก แต่บ้านนี้พี่น้องก็ไม่ค่อยรักกันเรื่องสมบัติ เมื่อก่อนนายมงคลพี่ชายก็เคยเรียนหนังสือแต่เรียนไม่จบ ครูบอกว่าอ่านหนังสือไม่ออก สมัยก่อนลูกคนโตพี่ชายและผมลำบากมาก ต้องรับจ้างขุดดินสาดเลนถางหญ้า เกี่ยวข้าวหอบข้าวทำทุกอย่าง นำเงินให้แม่ให้น้องไปเรียนหนังสือ ส่วนตัวผมจบ ม.3 ส่วนพี่ชายคนโตไม่ได้เรียนเลยเขาลำบากมาก ทำงานส่งแม่ส่งน้องเรียนหนังสือ
นายวิสูตร ลานทอง อายุ 57 ปี เสื้อฟ้า ผู้ใหญ่บ้าน ม.7 ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง กล่าวว่า เรื่องปัญหาที่ดินของนายมงคลที่ไม่มีชื่อเขาเป็นเจ้าของเลยผมไม่รู้เพิ่งจะรู้เมื่อวาน แต่เมื่อตอนที่เขาแบ่งสมบัติที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อและแม่ผมรู้ แต่เรื่องเขาไปเซ็นกันยังไงผมก็ไม่รู้เลย ถ้าพี่น้องเขาคุยกันได้ก็ไม่เสียหาย ส่วนนายมงคลเรียนหนังสือบ้างไม่ได้เรียนบ้างเพราะเขาเรียนรุ่นเดียวกันกับผม ตอนเขาออกจากโรงเรียนก็สะกดหนังสือได้บ้างผิดๆถูกๆ แล้วเขาออกมาทำงานส่งน้องเรียนหนังสือ เพราะเขามีน้องหลายคน สมัยก่อนนั้นก็ออกมาทำสวนทำนาไม่มีอะไร
ด้าน ร.ต.ท.วีรชัย มงคลไทร รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ร้อยเวรเจ้าของคดี ได้ทำการนัดให้พี่น้องทั้งหมดเดินทางไปที่ สภ.บางบัวทอง เพื่อสอบถอบถามความเป็นมาว่าอย่างไร เพราะเป็นพี่น้องกัน น่าจะตกลงกันได้
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดนนทบุรี ราายงาน