ก้าวไกล แสดงจุดยืน หลัง ทักษิณ ได้พักโทษ ชี้สังคม ต้องการกระบวนการยุติธรรม ที่ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน จี้รัฐบาลทำให้ทัดเทียม
วันที่ 18 ก.พ.2567 พรรคก้าวไกล แสดงจุดยืนต่อกรณี นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษ ความว่า แม้รัฐบาลและนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มักย้ำในหลายเวทีถึงความสำคัญของการสร้างหลักนิติรัฐที่เข้มแข็ง
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์และกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับ คุณทักษิณ ชินวัตร ตลอด 180 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะการได้รับสิทธิรักษาตัวนอกโรงพยาบาลที่เรือนจำเป็นกรณีพิเศษโดยขาดความโปร่งใสเรื่องอาการป่วยของคุณทักษิณ
ต่อเนื่องมาจนได้รับสิทธิพักโทษเพื่อปล่อยตัวกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านนั้น กลับเพิ่มคำถามที่มีในใจของประชาชนจำนวนมาก ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน สอดคล้องกับหลักการบังคับใช้กฎหมายกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติหรือไม่
- “อนุทิน” แจง “ทักษิณ” ได้กลับบ้าน เป็นไปตามกฎหมาย เตรียมไปกราบนายเก่า
- ทักษิณ ถึง จันทร์ส่องหล้า สีหน้าเรียบเฉย เลือกใส่เสื้อสีมงคล ที่คอ-แขนใส่เฝือก
- ทักษิณ ได้พักโทษ ออก รพ.ตำรวจแล้ว ใส่เสื้อเขียว-แมสก์เขียว เฝือกอ่อนพยุงคอ
แน่นอนว่าหากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ
แต่หากมองมาที่ปัจจุบัน เมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ
ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่น ๆ
พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน
ดังนั้น หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณในฐานะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งหรือการกลั่นแกล้งกันทางการเมือง
แนวทางในการดำเนินการต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย
แต่รัฐบาลต้องยึดแนวทางที่อำนวยความยุติธรรมให้แก่ทุกคนอย่างทัดเทียมกัน