September 19, 2024

เมียหลวงสุดช้ำ ฟ้องชู้ชนะแต่ขอผ่อนไปด่าไป แฉเมียน้อยปากแซ่บ ไม่ยอมเลิกสามี

เมียหลวงสุดช้ำ ฟ้องชู้ชนะแต่ขอผ่อนไปด่าไป แฉเมียน้อยปากแซ่บโพสต์แซะไม่เลิก ไม่ยอมเลิกสามี แถมมาขอดื้อๆ วอนอย่าเรียกเมียน้อย เพราะตนคือเมียคนสุดท้อง

 

เมื่อวันที่ 20 ก.พ.67 ที่อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือต้นอ้อ เป็นหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.เอ ภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย หรือเมียหลวง ให้สัมภาษณ์ว่า ตนกับสามีแต่งงานอยู่กินฉันสามีภรรยากันมาตั้งแต่ปี 2550 มีลูกด้วยกัน 2 คน ต่อมาปี 2562 หญิงรายนี้โทรมาขอความเห็นใจกับตน บอกเป็นผู้หญิงอีกคนของสามี และกำลังจะมีลูกด้วยกัน ขอความเห็นใจเป็นภรรยาอีกคนของสามี ในฐานะลูกผู้หญิงด้วยกัน ตอนนั้นตนไม่โอเคจึงบอกว่าขอไปคุยกับสามีก่อน จากนั้นก็เงียบหายไป

ต่อมาหญิงรายดังกล่าวคลอดลูกและโพสต์เฟซบุ๊กอวดลูก ตอนนั้นตนกับสามียังไม่มีทะเบียนสมรส เลยไปพูดคุยกับสามีว่าจะเอาไง จะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง ซึ่งสามีบอกว่าจะรับผิดชอบตนด้วยการจดทะเบียนสมรส เพื่อเป็นการยืนยันว่าเขายอมรับเราเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และยอมรับลูกเรา ยกย่องเชิดชูให้ถูกต้องตามกฎหมาย

จนกระทั่งปี 2564 หญิงรายดังกล่าวตั้งท้องลูกคนที่ 2 ตนเลยคุยกับสามีว่าทำไมถึงมีลูกคนที่ 2 ทั้งที่รับปากว่าจะยุติความสัมพันธ์ ซึ่งสามีบอกว่าเขาพลาด แต่ตนไม่เชื่อบอกกับสามีว่าต้องจัดการอะไรสักอย่าง ไม่เช่นนั้นตนสามารถฟ้องชู้สาวได้ สุดท้ายตนทนไม่ไหวเลยตั้งทนายฟ้องชู้สาว ในเดือนต.ค.2565 หลังจากรวบรวมหลักฐานมาได้ 1 ปี โดยศาลตัดสินว่าหญิงรายดังกล่าวมีความผิด และต้องชดใช้ค่าเสียหาย 70,000 บาท จ่าย ณ วันที่ศาลตัดสิน 28 ต.ค.2565 เป็นเงินสด 10,000 บาท ส่วนที่เหลือหญิงรายดังกล่าวขอผ่อนเป็นงวดๆ งวดละ 5,000 บาท 12 งวด จ่ายครบไปเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2566

โดยระหว่างการผ่อนจ่ายหญิงรายดังกล่าวโพสต์แซะตน เนื่องจากทุกวันตนจะชอบโพสต์ว่าอย่าลืมจ่ายค่างวดนะคะ หญิงรายดังกล่าวก็จะโพสต์ว่าทำบุญให้สัมภเวสีบ้าง เปรตบ้าง ทำบุญค่าอาหารหมา ไม่ต้องร้องโหยหวน และอีกมากมาย

นอกจากนี้เมื่อประมาณวันที่ 20 เม.ย.65 ที่มีคลิปตนตบกับหญิงรายดังกล่าวนั้น เหตุการณ์เนื่องจากว่าตนได้วานให้คนรู้จักช่วยสังเกตดูว่า มีรถสามีตนเข้ามายังคอนโดแห่งนั้นหรือไม่ เมื่อทราบข่าวตนจึงเดินทางไป และพบกับหญิงอีกราย จึงเข้าไปคุยบอกว่าช่วยเรียกสามีให้ลงมาคุยกันหน่อย จะคุยเรื่องค่าเทอมลูก แต่หญิงรายดังกล่าวกลับไปบอกรปภ.ว่าตนจะมาทำร้าย ตนทนไม่ไหว จึงลงมือ

ทั้งนี้ สามีตนทำงานต่างจังหวัดจะเดินทางไปมาระหว่างบ้านกับที่ทำงาน เรื่องเช็กต่างๆ จึงทำให้ไม่ค่อยได้ แต่ฝ่ายผู้หญิงจะชอบโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว ทำให้ตนเอะใจว่าทั้งคู่ยังคงมีความสัมพันธ์กันอยู่

ตนคิดว่าหญิงรายนี้คงอยากได้สามีตนมาก ถึงขนาดโทรมาขอ ซึ่งตนก็ตอบกลับไปว่ามาบอกตนทำไม ทำไมไม่คุยกับผู้ชาย ซึ่งหญิงรายดังกล่าวก็ตอบว่าฝ่ายชายยอมรับไม่ได้ เพราะมีภรรยากับลูกอยู่ที่จ.ฉะเชิงเทราแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่หญิงรายนี้มีความสัมพันธ์กับสามีตน ก็มักจะโพสต์เหน็บ แซะตนกับลูกอยู่เรื่อยมา เช่น “เดี๋ยวจะอกแตกตายนะ ถ้าเห็นชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา เตรียมใจดีๆ ลูกผู้หญิงสืบสกุลไม่ได้ สู้ลูกชายไม่ได้” เพราะตนมีแต่ลูกสาว นอกจากนี้ยังอวดว่าสามีตนเปย์หนัก ซื้อของเล่น ซื้อรถเข็นให้ เช่าคอนโดหรูให้ รักลูกชายมาก ซึ่งกระทบต่อจิตใจตน

เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันตรุษจีนที่ 9 ก.พ.67 ตนกับลูกตั้งใจเอาของมาไหว้ กระดูก คุณปู่ คุณย่าและพี่ชายของสามี แต่บังเอิญเห็นรถหญิงรายดังกล่าวจอดอยู่ริมถนน แล้วเห็นคนในรถยื่นโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปรถของตน จึงเกิดความสงสัยว่า เขาถ่ายทำไม จึงขับรถตามไป จนถึงหน้าบ้านสามี แล้วรถหญิงรายดังกล่าวก็เลี้ยวเข้าซอยตรงข้ามบ้านสามี ซึ่งในซอยนั้นมีบ้านพี่สาวสามีอยู่ ตนจึงขับตามไปดู เผื่อว่าสามีตนอยู่กับหญิงรายดังกล่าว จะได้เจรจาตกลงกัน แต่ปรากฏว่าผู้หญิงวัยกลางคน อายุประมาณ 50 ปี ได้ลงมาจากรถ ซึ่งเป็นญาติฝ่ายสามีที่หญิงรายนี้จ้างมาเลี้ยงลูกให้ และอีกคนเป็นพี่สาวสามี เดินมาจากทางบ้านคุณย่าแล้วก็เดินมามอง ในมือถือโทรศัพท์แนบกับหูเหมือนคุยสายกับใครอยู่

ส่วนผู้หญิงที่เป็นพี่เลี้ยงเด็กเดินมาถ่ายรูปรอบๆ รถ ก่อนถามว่า มาตามหาสามีเหรอ เขาไม่อยู่หรอก แล้วก็พูดกับลูกตนซึ่งนั่งอยู่ในรถว่าหนูมาตามหาพ่อเหรอ พ่อไม่อยู่นะ ก่อนจะพบว่ามีผู้หญิง 3 คนเดินตามกันมาแล้วแจ้งกับตำรวจว่า ตนขับรถตามเขาเข้าไปในซอย หลังไกล่เกลี่ย จึงได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.หลักสอง เพื่อความสบายใจ ทั้งสองฝ่าย

สุดท้ายนี้ตนอยากให้หญิงรายดังกล่าวยุติความสัมพันธ์กับสามี เลิกโพสต์เหน็บแนมเด็ก อย่าใช้เด็กเป็นเครื่องมือ ต่างคนต่างอยู่ทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุดตนไม่ได้ต้องการอะไร ส่วนสถานะ กับสามีตนในตอนนี้ ก็ยังรักกันดี ตนไม่ได้คิดจะหย่า เพียงแค่อยากจะตัดส่วนเกินในความสัมพันธ์ออกไป อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากเนื่องจากตนหมั่นไส้ผู้หญิงรายนี้ ปากบอกว่าจะเลิกยุ่ง แต่ความเป็นจริงไม่ใช่ ตอนยืนยันว่าถ้าหากว่าได้หลักฐานครบเมื่อไหร่ก็จะฟ้องชู้สาวอีก

ด้าน น.ส.ชลิดา กล่าวว่า ผู้หญิงรายนี้อายุ 35 ปี เขาบอกว่ารู้จักกับสามีนางสาวเอ มา 10 ปี แสดงว่าตอนนั้นยังเด็กอยู่ ทำไมไม่หาสามีตัวเอง และตนไม่อยากให้นำเด็กมาเป็นเครื่องมือทางอารมณ์ของผู้ใหญ่ ตนเชื่อว่าไม่มีใครอยากจะเป็นเมียหลวง เพราะจะต้องมีเมียน้อยตาม แต่ทั้งทางนั้นใช้คำว่าเมียคนสุดท้องให้ดูดีขึ้นนิดนึง แต่ยังไงก็คือเมียน้อย ตนเลยอยากจะถามว่าทำไมถึงกล้าไปขอสามีคนอื่น สำหรับจุดจบของเรื่องนี้ ก็จะต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐานฟ้องชู้สาวต่อไป และอยากจะฝากถึงผู้ชาย ที่เป็นตัวปัญหาหลักทำให้ผู้หญิงทะเลาะกัน จะต้องออกมารับผิดชอบ

 

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *