“บิ๊กเต่า” แจงคดีบิ๊กตำรวจพัวพันเครือข่ายมินนี่ ย้ำต้องรอ ปปช. ส่งสำนวนกลับมาให้ ตร.ตำรวจก่อน

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เกมการเมืองภายในแวดวงตำรวจ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ตั้งแต่สมัยที่ตนยังดำรงตำแหน่งเป็น ผบก.ปปป. ก่อนจะขยายผลต่อเนื่องจนไปพบว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเพิ่มเติม ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องสะเทือนใจ เพราะมีตำรวจเข้าไปร่วมกระทำผิด ยิ่งเมื่อเห็นตัวเงินกว่า 3 ร้อยล้านผ่านเข้าไปในระบบหรือเส้นทางการเงิน จึงปล่อยผ่านไม่ได้ หากปล่อยไว้จะกลายเป็นมะเร็งร้ายกัดกร่อนวงการตำรวจให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

สำหรับคดีนี้ ชุดคลี่คลายจะดำเนินตามหลักข้อเท็จจริง โดยยึดพยานหลักฐานเป็นที่ตั้งไม่มีปรุงแต่ง เรามีหลักฐานเป็นสเตจเมนต์ บ่งบอกถึงคนที่เบิกเงิน และแสดงไปถึงกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ได้รับเงินจากบัญชีม้าตัวนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบกระจายไปยังบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทางคดีเกือบครบทุกคน บางคนก็มาในนามญาติพี่น้อง แต่กว่าครึ่งหนึ่งจะไหลไปที่หัวหน้า ซึ่งเป็นการนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าไม่น่าจะมีเพียงแค่เงินจากบัญชีม้าจากเว็บพนันเครือข่ายมินนี่เพียงเท่านี้ น่าจะมีจากเว็บอื่นๆ อีกด้วยอยู่ระหว่างตรวจสอบให้แน่ชัด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้จะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น ว่าไปตามหลักฐาน ผิดถูกมีเพียงศาลเท่านั้นที่จะเป็นผู้ตัดสิน ยืนยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ไม่มีรังแกใคร ไม่มีออกนอกเกม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ฝั่งผู้ถูกกล่าวหาเป็นคนมีอำนาจ การที่เราทำงานจึงจำเป็นต้องตั้งอยู่บนพยานหลักฐานข้อเท็จจริง สิ่งเหล่านี้จะเป็นเกราะป้องกันเรา

ส่วนผู้ที่เป็นคนเอาบัญชีม้ามาใช้ก็ต้องอยู่ที่ดุลพินิจของของพนักงานสอบสวนที่จะต้องพิจารณาตามพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องกรอบระยะเวลาในการพิจารณาสำนวนของ ปปช. ไม่สามารถระบุหรือบอกระยะเวลาได้ เราจะไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือกดดัน อย่างไรก็ตามสำหรับคดีนี้อยากทำให้จบไวๆ เพราะถ้าหากปล่อยให้ล่าช้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะเสื่อมเสีย ทั้งนี้ขอฝากไปถึงคนที่กำลังทำลายองค์กรตำรวจขอให้หยุดการกระทำนั้นเสีย

จากการพูดคุยกับน้องๆ พนักงานสอบสวน ยังมีขวัญกำลังใจที่ดี ไม่มีพูดคุยเรื่องโดนฟ้องร้อง เราทำตามพยานหลักฐาน ส่วนเรื่องที่แอบอัดคลิปเสียงการพูดคุยระหว่างพนักงานสอบสวนกับพยาน เป็นในส่วนของคดี สน.เตาปูน รวมถึงเนื้อหาการพูดคุยก็เป็นไปในลักษณะของการปรับทุกข์ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้ วอนผู้ที่จงใจปล่อยอย่าไปบิดเบือนประเด็นให้สังคมเกิดความสับสน จากกรณีที่เกิดขึ้น ตนไม่อยากมองว่าเป็นการวางงาน แต่พฤติกรรมรวมๆ ก็ออกไปในทางนั้น ขอชื่นชมพนักงานสอบสวนที่ไม่หลงคล้อยตามหรือกินเบ็ด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่ออีกว่า ปัจจุบันการทำงานของตำรวจตั้งอยู่บนความเสี่ยง หากเร่งเกินไป ทำงานไม่รอบครอบก็จะเกิดความผิดพลาด อีกทั้งการทำงานของกลุ่มคนบางกลุ่มก็เป็นไปในลักษณะของการหวังผลเกินไป จนไม่ได้ยึดหลักฐานข้อเท็จจริงเป็นที่ตั้ง จนทำให้ตอนนี้ตำรวจทั่วประเทศไม่อยากทำงานเพราะหากเกิดความผิดพลาดขึ้นมาเมื่อใด ก็จะมีตำรวจกลุ่มหนึ่งไปบีบ ไปกดดัน มองเป็นเหยื่อเพื่อใช้เชิดชูตัวเอง กลายเป็นว่าอยู่เฉยๆ ไม่ทำงานดีกว่า