นักศึกษาสาววัย 15 บ้านฐานะยากจนแต่อยากเรียน ลุยทำงานพาร์ทไทม์หลังเลิกเรียน หวังเก็บเงินส่งตัวเอง สุดท้ายทำไปได้ 18 วันร่างกายสู้ไม่ไหวแจ้งลาออก โดนร้านชาบูดังไม่จ่าย ระบุ ทำไม่ครบเดือน
วันที่ 21 ก.พ.2567 ที่สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ น.ส.น้ำขิง อายุ 15 ปี นักศึกษาปวช.ปี 1 เข้าร้องขอความเป็นธรรมหลังไปทำงานที่ร้านอาหารชาบูชื่อดังในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ แล้วไม่ได้รับเงินค่าแรง โดยทางร้านให้เหตุผลทำงานไม่ครบเดือนและไม่แจ้งลาออกก่อนล่วงหน้า 15 วัน
น้องน้ำขิง ระบุ ฐานะทางบ้านยากจนแต่ด้วยความอยากเรียนซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปวช.1 จึงไปทำงานหลังเลิกเรียนชั่วโมงละ 30 บาท วันละ 4 ชั่วโมงที่ร้านอาหารชาบู วันไหนเป็นวันหยุดช่วงเช้าก็จะไปทำงานที่ร้านขายโจ๊กก่อน จากนั้นช่วงบ่ายถึงจะไปทำงานที่ร้านชาบู เพื่อเก็บเงินส่งตัวเองให้ได้เรียนสูงๆแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง แต่เมื่อทำงานไปได้ 18 วันรู้สึกว่าร่างกายสู้ไม่ไหวจึงขอลาออก และได้บอกล่วงหน้ากับร้านก่อนออกจากงาน 4 วัน
“เมื่อครบกำหนดจ่ายเงินของพนักงาน จึงไปขอรับเงินค่าแรงที่ทำไปปรากฏว่าทางร้านแจ้งว่าผิดเงื่อนไขไม่แจ้งลาออกก่อนล่วงหน้า 15 วัน และมีพนักงานในร้านบอกด้วยว่า ถ้าทำงานไม่ครบเดือนก็จะไม่ได้รับเงินเช่นกัน เรามองว่าทำงานเหนื่อยกี่วันก็ต้องได้ค่าแรงตามกฎหมาย จึงมาร้องสำนักงานสวัสดิการให้เข้าช่วยเหลือ”
ด้านนายกฤตผล แก่นนาคำ สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า นโยบายของภาครัฐสนับสนุนส่งเสริมให้นักเรียนมีการหารายได้ระหว่างเรียนเพื่อบรรเทาภาระผู้ปกครองอยู่แล้ว ซึ่งการทำงานของแรงงานไม่ว่าจะเป็นแรงงานทั่วไปหรือแรงงาน part time จะทำงานกี่วันก็แล้วแต่จะต้องได้รับค่าแรงตามที่กฎหมายกำหนด
โดยจะได้ไปติดตามสอบถามจากเจ้าของสถานประกอบการถึงรายละเอียดเช่นกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย และจะได้ดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมายต่อไป