ช็อกไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า ดูแลสุขภาพดีมาตลอด โจนัส แอนเดอร์สัน เหมือนตายเกิดใหม่ นาทีชีวิต หัวใจวายเฉียบพลัน อยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รักษา เริ่มวิกฤต ผ่าตัดด่วน
วันที่ 5 มี.ค. 67 ศิลปินลูกทุ่งต่างชาติ โจนัส แอนเดอร์สัน เปิดเผยกับ ข่าวสดบันเทิง นาทีชีวิตความเป็นความตาย หลังเกิดอาการวูบเมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มี.ค. ต้องเข้าผ่าตัดด่วน อาการหัวใจวายเฉียบพลัน
โจนัส เผยว่า มันน่าตกใจมาก ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าเลย เมื่อประมาณ 7 โมงเช้า ผมออกกำลังกายในห้องยิมของหมู่บ้าน อยู่ดีๆ รู้สึกเจ็บหน้าอก
อ่อนเพลีย วูบจะเป็นลม ตอนแรกคิดว่าน่าจะเป็นเพราะท้องอืด เจ็บท้อง แต่อาการมันเริ่มหนัก แย่ลง น่าเป็นห่วง ก็เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาล ซึ่งอยู่ใกล้ๆ บ้าน
หมอบอกว่าเป็นเส้นโลหิตอุดตัน ต้องทำบอลลูนด่วน เป็นเรื่องความเป็นความตาย หัวใจวายเฉียบพลัน อยู่ได้ไม่นานถ้าไม่รักษาเพราะมันเริ่มวิกฤตแล้ว
มันเป็นโรคที่ผมไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดกับตัวเอง เพราะครอบครัวของผมไม่มีใครเป็นโรคหัวใจเลย โรคนี้ส่วนใหญ่ถ้าไม่เกิดจากกรรมพันธุ์ก็มาจากพฤติกรรมดูดบุหรี่ ดื่มเหล้าหนัก ทานอาหารไม่มีประโยชน์ ไม่ออกกำลังกาย น้ำหนักเยอะ
เราก็คิดว่าตัวเองประคองร่างกายมาอย่างดีตลอด พยายามรักษาป้องกันไว้ ที่คิดว่าอาจจะมีข้อสงสัยเมื่อปีที่แล้ว ไปตรวจสุขภาพประจำปี พบว่าไขมันในเลือดสูงขึ้นนิดหน่อย ปกติในชีวิตผมไม่เคยสูบบุหรี่เลยเรื่องดื่มมีน้อยมาก ดื่มเบาๆ ตอนอยู่กับเพื่อนในบางครั้ง ไม่เคยดื่มหนักถึงขั้นเมา
ผ่านวิกฤตนาทีชีวิต เหมือนตายแล้วเกิดใหม่
ผมก็สามารถจะระบุวันเกิดอีกครั้งตอนนี้เป็นวันที่ 4 มี.ค.2567 ไปได้แล้ว คือถ้าอีก 15 นาที หรือครึ่งชั่วโมง ไปโรงพยาบาลไม่ทัน ผมคงไปแล้วล่ะ มันเหมือนตายเกิดใหม่จริงๆ
มันทำให้เรามองย้อนไปถึงเรื่องราวในชีวิต สิ่งที่เราให้ความสำคัญ สิ่งที่เรามัวแต่เครียด กังวล พอถึงวันจากไปของเรา มันก็ไม่มีค่าอะไร ไม่มีความสำคัญอะไรกับเรา
สิ่งที่มีความสำคัญคือ เราใช้ชีวิตยังไง เราทำอะไรให้กับเขา แต่อีกสิ่งที่เราสัมผัสได้ พอมันมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น คนอื่นรอบข้างๆ เพื่อนที่รู้ข่าว เขาก็ตกใจยิ่งกว่าเราอีก
ชีวิตเรามีคนที่เห็นคุณค่าของเรา คนที่รักเรา มันก็ทำให้เรารู้สึกมีค่าด้วยเหมือนกัน อยู่บนโลกใบนี้เวลาสั้นๆ แบบนี้ เราก็ต้องตอบแทนแผ่นดิน ทำในสิ่งดีๆ ให้กับคนอื่น
หลังจากนี้เราต้องเปลี่ยนชีวิตแล้ว ต้องไม่เกเร ต้องเลือกกินในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่กินในสิ่งที่ไม่ควรกิน ตอนนี้คิดว่าจะเลิกดื่มเหล้าไปเลย เพราะว่ามันไม่คุ้ม
อาจจะมีแค่สังสรรค์ในกรณีเบาๆ เพื่อมิตรภาพเพื่อสังคม แต่จะไม่เปิด 1 หนึ่งกระป๋องกินเอง ไม่เอาแล้วในสิ่งแบบนี้ เราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงกับชีวิต มันไม่คุ้ม
สิ่งที่สำคัญที่เป็นบทเรียนบอกเลยว่า สัญญาณอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้น เราต้องฟัง มันเหมือนเป็นสัญญาณเล็กๆ เรื่องไขมัน ไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเพียงพอ แต่พอมาเป็นแบบนี้แล้ว มันไม่เบาเลย มันไม่ใช่ค่อยๆ สะสมให้เรามีสัญญาณเตือนใหญ่ๆ แต่มันมาตู้มเลย ความเป็นตายแขวนอยู่ในเส้นด้ายเลย
อย่างผมอายุ 51 แล้ว คนชมตลอดว่า โจนัสดูแลสุขภาพดี โจนัสฟิตเฟิร์ม พอมาเกิดกับเราเป็นแบบนี้ อะไรเนี่ย ดูแลสุขภาพดีมาตลอด แต่ก็ประมาทไม่ได้จริงๆ
มันเหมือนตบหน้าเราเลย ให้เราตื่น ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกันนะ ถือเป็นการเจ็บป่วยที่หนักสุดแล้ว เพราะว่ามีความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ ถ้าช้ากว่านี้ก็มีโอกาสสูง
แต่ว่าเคยมีครั้งหนึ่งที่นอนแอดมิตอยู่ตอนนั้นก็หนักเหมือนกัน ตอนวัยรุ่น 19-20 เป็นไข้มาลาเรีย ทำงานจิตอาสาชายแดนพม่า ถ้าพูดถึงการป่วยอันนั้นป่วยหนักกว่า แต่ว่าอันนี้หัวใจวายมีอันตรายสูงกว่า มัน 50-50 มีโอกาสเสียชีวิตสูงมาก