ชีวิตนี้อุทิศให้ลูก แอนนี่ บรู๊ค เผยเบื้องหลังความสำเร็จ “น้องฑีฆายุ” เปิดเคล็ดลับความเก่ง แม้ไม่ได้เรียนอินเตอร์ คว้าที่1 ระดับประเทศ แข่งสุนทรพจน์อังกฤษ
คุณแม่สายสตรอง “แอนนี่ บรู๊ค” ควงลูกชายสุดหล่อ “น้องฑีฆายุ” วัย 14 ปี มาเปิดใจครั้งแรกหลัง คว้าเหรียญทองอันดับหนึ่งของประเทศ จากการประกวดพูดสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ 100 คะแนนเต็ม เปิดเผยเทคนิคเลี้ยงลูกชายที่กำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น พร้อมเปิดใจหลังชนะคดีฟ้องหมิ่นประมาทเพจและเกรียนคีย์บอร์ด ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี หนิงปณิตา และธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ได้รับรางวัลอะไรมา? แอนนี่ : “ก่อนอื่นน้องฑีฆายุมีของขวัญเซอร์ไพรส์พี่ธัญญ่า-พี่หนิงนิดนึง เพราะพวกเราสำนึกในบุญคุณคุยแซ่บโชว์และพิธีกรทุกคน เรามีของเล็กๆ น้อยๆ จากแม่ลูกมาให้นะคะ เราเตรียมมาตั้งแต่เมื่อวาน กลัวไม่สวยถูกใจ”
ฑีฆายุ : “(เอาพวงมาลัยไปไหว้ธัญญ่ากับหนิง) ขอบคุณมากนะครับ”
แอนนี่ : “ที่สำคัญที่สุดทุกครั้งที่รายการเชิญพวกเรามา พวกเรามีชีวิตที่แย่ที่สุด ตกต่ำที่สุด ทำให้เรามีกินมีใช้อยู่ได้ ขอบคุณพี่ขวัญ พี่ส้มด้วยนะคะ (ให้พวงมาลัยกับโปรดิวเซอร์ตัวแทนพี่ส้ม)”
ได้เหรียญทองอันดับ 1 ของประเทศด้วยคะแนนเต็มร้อย? แอนนี่ : “ขอบคุณทุกอย่างด้วยนะคะ พวกเราไปประกวดของทางธรรมศาสตร์ได้รับรางวัลจากท่านชัชชาติค่ะ ได้ที่หนึ่งของประเทศ ซึ่งจะมีหลายคน แต่น้องได้ 100 เต็ม 100”
ฑีฆายุ : “ผมภูมิใจในตัวเองมากครับ”
อะไรทำให้ตัดสินใจประกวด? แอนนี่ : “มีผู้ปกครองส่งข้อมูลมาก็ถามว่าน้องเอามั้ยเป็นสุนทรพจน์ภาษาอังกฤษ ภายใน 3 นาทีต้องตั้งเรื่องตั้งราว ตั้งหัวข้อ แกรมม่าต้องถูก หัวข้อต้องได้ คอนเทนต์ต้องปัง ใช้คำศัพท์ที่ยากแล้วดีภายใน 3 นาทีห้ามตัดต่อ แล้วห้ามอ่านสคริปต์ ตาต้องมองกล้อง ถ้าเขาเห็นเรามองปุ๊บเขาจะตัดสิทธิ์เลยค่ะ”
ยากมั้ย? ฑีฆายุ : “ยากครับ”
น้องฑีฆายุไม่ได้เรียนนานาชาติ แล้วฝึกจากไหน?
ฑีฆายุ : “ผมดูยูทูบครับ ตั้งแต่เด็กแม่ให้ผมดูยูทูบที่ฝรั่งเขาพูดกัน เป็นคนอังกฤษพูดกัน(พูดภาษาอังกฤษขอบคุณทุกคนที่ซัพพอร์ต)”
แอนนี่ : “มีคนบอกว่าก็แม่เธอเป็นฝรั่งไง เธอเลยพูดได้ หนูไม่ได้พูดได้ (หัวเราะ) ไม่ได้เก่ง เพิ่งมาพูดได้ตอนอายุ 23 ดูพวกหนังซาวด์แทร็กแล้วฟังเพลง ไม่ได้เก่งแกรมม่า ลูกบอกว่าแม่ผมสอนให้เอามั้ย (หัวเราะ) แต่ขี้เกียจ แม่จะพูดของแม่แบบนี้แหละ”
วิธีการทำให้ลูกเก่งภาษาอังกฤษ และสำเนียงดีแบบนี้ ทำยังไง? แอนนี่ : “แอนว่าภาษาที่สามไม่ว่าภาษาอะไรก็ตาม เป็นภาษาที่ต้องซื้อมา เราควรหาทางให้ได้มาฟรี คือสื่อต่างๆ ที่เราจะใส่ให้ลูกได้ ตั้งแต่ 3 ขวบแอนก็เริ่มแล้ว อะไรที่เป็นเพลง ใส่เพลงภาษาอังกฤษทั้งหมด อะไรที่เป็นรายการ สนุกสนาน โทรศัพท์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ตั้งค่าเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดแล้วบอกทุกคนในบ้านว่าถ้าน้องจะเล่นอะไรให้เปิดเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ห้ามเปิดภาษาไทย เพราะภาษาไทยเราได้พูดอยู่แล้ว”
การแข่งไม่ได้ง่าย คลิปความยาวไม่กี่นาที แต่ใช้เวลาถ่ายทำถึง 11 ชม. ? แอนนี่ : “ตั้งแต่ 5 ทุ่มถึง 8 โมงเช้า แม่แอนเป็นทีมงานตากล้อง เป็นช่างไฟ เป็นพร็อบค่ะ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว ลูกเล่าซิทำไมมันยาวนานขนาดนั้น”
ฑีฆายุ : “ผมพูดอะไรผิด ผมก็เริ่มใหม่ครับ ต้องทำให้มันดีที่สุดให้มันเพอร์เฟ็กต์”
แอนนี่ : “3 นาที สมมติพูดไปจะจบแล้ว แต่พูดแกรมม่าผิด ลืมเติมเอส ก็เอาใหม่หมดเลย”
ท้อมั้ย 11 ชม. กับคลิปสั้นๆ แค่ 3 นาที? ฑีฆายุ :“ตอนประมาณตีหนึ่งเริ่มเหนื่อยแล้ว ผมอยากขึ้นไปข้างบนแล้ว แต่ผมก็สู้ต่อไป ในที่สุดก็ทำได้ครับ”
คนสู้สุดๆ คือคุณแม่ คุณแม่ป่วยด้วย? แอนนี่ : “วันนั้นหนูเป็นไข้เลือดออก (หัวเราะ)”
แม่ป่วยด้วยหรือเปล่าเลยคิดว่าต้องทำให้ได้? ฑีฆายุ : “ใช่ครับ ภูมิใจในตัวแม่มาก แม้ป่วยแม่ก็ช่วย 11 ชั่วโมง จริงๆ แม่ผมสมควรรักษาตัวเองแล้วนอน แต่แม่ก็บอกว่าไม่ ทำไม่ได้ ถ้าผมไหวแม่ผมก็ไหวครับ”
แอนนี่ : “ต้องส่งงานภายในวันรุ่งขึ้นค่ะ มีเวลาแค่นั้น”
แอนพูดประโยคนึงบ่อยๆ ว่าแอนตั้งใจจะเลี้ยงลูกคนนี้ให้ดีที่สุด? แอนนี่ : “ชีวิตนี้อุทิศให้เขาแล้ว แอนไม่ต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นหรอกว่า แอนเป็นผู้หญิงที่ดีหรือยังไง แต่ทุกวันนี้ที่แอนทำแอนต้องการพิสูจน์ให้ลูกเห็น อาจเป็นผลพลอยได้ที่คนอื่นเห็นมาด้วย แต่แอนต้องการพิสูจน์ให้ลูกเห็นว่าแม่คนนี้ วันนึงถ้าแอนตายไป ไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว แต่ความรู้สึกหรือความทรงจำที่เหลือไว้กับเขา เขาจะรู้ว่าแม่คนนี้เดอะเบสต์ พอ มี ดีที่สุดแล้ว”
ได้ยินแล้วรู้สึกยังไง แม่พูดคำนี้ในรายการสัก 2-3 ครั้ง ตอนนั้นหนูยังเล็กๆ อยู่เลย จนตอนนี้ 14 แล้ว?ฑีฆายุ : “ภูมิใจในตัวแม่ผมมากเลยครับ แม่ผมเป็นแม่ที่ดีมากเลยครับ รักแค่ไหนมันพูดอธิบายไม่ได้”
แอนนี่ : “มันมากขนาดนั้นเลยเหรอลูก ไปถึงไหนลูก เขาเป็นคนทะเล้น ฮา อยู่บ้านเราจะเฮฮากันมาก มีความสุขกันมาก เหมือนเล่นกันเป็นเพื่อน เขาเรียกเราแอนนี่นะ เราก็ว่าไงคะคุณ ก็ตลกดี มีความสุขดีค่ะ”
ตอนเขาประกาศผล เราต้องโทรไปตามเหรอ? แอนนี่ : “ใช่ เราคิดว่าเราไม่เข้า เราส่งไปเป็นอาทิตย์แล้ว ลูกเราคงไม่ได้แล้วแหละ เสียใจนิดหน่อย เราไม่เห็นชื่อ เขาก็เลยบอกว่าคุณแม่ไปดูดีๆ น้องได้ 100 เต็ม 100 แม่ไม่เห็นเหรอ ตอนนั้นน่าจะลนลาน มันลุ้นมากๆ เราทำงานกันตั้ง 10 กว่าชม. อุปสรรคเยอะมาก เราพยายามสูงมาก เรามีความคาดหวัง ตอนรู้ว่าได้เหรียญทองอันดับหนึ่ง แอนรู้ก่อนน้องอยู่ข้างบนอยู่เลย แอนก็กรี๊ดกระโดดรอบบ้านเลย ได้แล้ว โอ้มายก๊อด มันคุ้มค่า ตอนนั้นลูกเราก็ทั้งเหนื่อยล้า เราก็อยากได้พอร์ตด้วย เพราะพอร์ตบางทีต้องสะสม ถ้าเป็นพอร์ตใหญ่ๆ อาจมีสิทธิ์ยื่นขอทุนการศึกษาได้”
ฑีฆายุ : “ตอนนั้นตกใจมากครับ ผมง่วงอยู่ ตกใจว่าแม่เป็นอะไร แม่เขากรี๊ดครับ ผมก็ดีใจครับ แม่บอกว่าได้เหรียญทอง ผมก็ไม่ได้กรี๊ด ยกนิ้ว ผมง่วงอยู่ครับ”
มีใครติดต่อเป็นพระเอกหรือยัง? แอนนี่ : “ไม่มีค่ะ (หัวเราะ)”
รู้สึกยังไงไม่ใช่แค่เหรียญทองอย่างเดียว เราเป็นที่หนึ่งแบบ 100 เต็ม 100 ต้องใช้คำว่านัมเบอร์วัน? แอนนี่ : “คนที่เขาเป็นแอดมินเขาไลน์มาบอกว่าคนได้ 100 เต็ม 100 ไม่มีนะ ต้องมีทั้งห้าข้อที่เขากำหนดไว้ ต้องไม่หลุดแม้แต่นิดเดียว เราบอกให้ลูกใส่แอ๊กติ้งเข้าไปหน่อยเอาความแพรวพราวที่เรามีใส่เข้าไปเลย เชื่อแม่ มันต้องได้ เพราะดูแล้วสุนทรพจน์ ถ้าเป็นทางการมากเกินไปมันจะไม่มีเสน่ห์ คิดว่าตรงนี้ด้วย และน่าจะใช้คำศัพท์ที่ยากด้วย”
ศัพท์คิดเองมั้ย มีใครคอยติวมั้ย? ฑีฆายุ : “หนึ่งชั่วโมงที่เขียนครับ”
เวลาฟังข่าวภาษาอังกฤษ แปลได้มั้ย? ฑีฆายุ : “ถ้าไทยไปเป็นอังกฤษ ผมแปลได้ครับ ถ้าอ่านหนังสือพิมพ์อังกฤษแปลเป็นไทยก็ได้เหมือนกัน แต่ภาษาไทยอาจไม่แข็งแรง”
แอนคุยกับลูกภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก? แอนนี่ : “ต่อให้พูดผิดพูดถูก โกๆ แวๆ (หัวเราะ) เขาก็อาจชิน คิดว่าเราเป็นฝรั่ง (หัวเราะ)”
ฑีฆายุ : “ไม่งงครับ ตอนเด็กต้องพูดสอนแม่ด้วยครับ”
แอนนี่ : “เขาจะสอนเรา เราก็บอกว่าได้ลูก สอนมาเลย แต่จะฟังหรือไม่ฟังอีกเรื่องนึง (หัวเราะ) เขาอยากให้แอนพูดภาษาอังกฤษเก่งๆ เขาบอกว่าแม่ยังสวยอยู่เลย (หัวเราะ) ทำไมแม่ถึงไม่มีงานแสดงแล้ว เราก็คุยกันเรื่องงาน คุยกันทุกเรื่อง”
ฑีฆายุ : “ผมบอกว่าแม่ก็ยังโอเคอยู่ ถ้าไปต่างประเทศ ถ้าพูดภาษาอังกฤษได้จะดีมากเลย แม่ผมจะได้มีงานเยอะๆ”
ถ้ามีงานแสดงติดต่อ แอนรับมั้ย? แอนนี่ : “ถ้าเมื่อก่อนคงไม่ได้เลยเพราะเราฟูลไทม์ แต่ตอนนี้ถ้ามีงานเข้ามา เราก็ต้องคุยกันว่าช่วงนี้เรากลับจากโรงเรียน เรากลับเองได้มั้ย ต้องขึ้นรถแบบไหน ต้องเริ่มสตาร์ทชีวิตแบบนั้น ก่อนหน้านี้เราคิดว่าพื้นฐานต้องปูให้แน่น เพราะถ้าเขาอายุ 17-18 ไปแล้ว ไม่ใช่ 17 หรอก นี่ก็เริ่มๆ ไม่ใช่เขาไม่รักเรา แต่หนึ่งเราเป็นผู้หญิง เขาเป็นผู้ชาย สองความเป็นส่วนตัว เราไม่อายที่จะคุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว พอมีอะไรเขาก็พูดกับแอนตรงๆ”
จุดประสงค์นอกจากให้น้องได้มีโอกาสยื่นขอทุนในอนาคต ยังมีอะไรอีกมั้ย? แอนนี่ : “โอกาสในเรื่องการศึกษาสำหรับแอน มันสำคัญมากๆ แอนไม่ได้ต้องการขอเงินใครนะ แต่สมมติสถาบันการศึกษานี้เห็นคุณค่าเห็นในงานหรือเห็นบางสิ่งบางอย่างในตัวของน้อง แล้วรู้สึกว่าน้องสามารถต่อยอดให้กับสถาบันได้ หรือทำชื่อเสียงให้กับโรงเรียนได้ แอนอยากได้ทุนการศึกษา เพราะแอนก็เป็นนักเรียนทุน แอนรู้ว่าโอกาสมันยากมาก เวลาได้มามันคุ้มค่ามาก ถ้าสมัยก่อนแอนไม่ได้ทุนการศึกษา แอนไม่ใช่เด็กที่เรียนเก่ง แม่แอนส่งแอนไปเป็นเมดนะ ด้วยบ้านเรา ด้วยทุกอย่าง เราถูกบังคับให้เป็นแบบนี้จริงๆ
ถ้าเราไม่มีการศึกษา ไม่มีเงิน งานเราที่จะทำ มันจะมีไม่กี่อย่างเท่านั้นเอง แม่แอนก็ส่งแอนไปเป็นคนทำงานบ้านเลย เราเลยคิดว่าไม่ได้ ฉันต้องเรียนให้เก่ง หาทุนการศึกษาให้ได้ เมื่อได้ทุนการศึกษาก็รู้เลยว่าแม้ไม่ได้เป็นหมอหรือเป็นอะไรระดับประเทศ แค่เราได้ก้าวขึ้นมาจบปริญญาตรี หรือจบอะไรดีๆ อย่างน้อยๆ เราได้ทำงานมีเงินเดือน เราได้ภาคภูมิใจ เราได้มีองค์ความรู้ใหม่ๆ ไม่ได้ว่าอาชีพใดนะคะ สมมติวันนั้นแอนเป็นเมด แล้วแอนไม่มีความรู้เพิ่ม แอนละทิ้งหนังสือ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย โอกาสอื่นๆ ก็จะไม่เข้ามาด้วย
ที่สำคัญแอนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ใครจะซัพพอร์ตเขา มันเหลือแอนแค่คนเดียว ถ้าไม่มีแอน ฑีไม่มีใครแล้ว แอนก็เลยอยากให้เขา ณ วันนึงเราไม่รู้ชีวิต ไม่ได้บอกว่าแอนกำลังจะตายนะคะ แต่เราระลึกถึงความตายทุกวัน เวลาที่เราอายุเยอะขึ้นแล้ว ถ้าเขามีการศึกษาที่ดี มีทุนการศึกษาได้เรียนไปถึงปริญญาตรี หนูตายตาหลับเลย”
ฑีฆายุ : “ตอนนี้กำลังหาตัวเองอยู่ครับ ตอนผมอายุ 6 ขวบ ผมอยากเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์”
อยากเป็นนักแสดงมั้ย? ฑีฆายุ : “ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ แต่ถ้าได้เป็นก็โอเคครับ”
ตอนนั้นที่น้องเคยมาในรายการ ธัญญ่าสมทบทุนค่าใช้จ่ายให้หลาน? ธัญญ่า : “ตอนนั้นน้องยังเล็กอยู่เลย พี่พีเคด้วย”
แอนนี่ : “วันนี้เอาผลงาน พัฒนาการ เขาอยากเป็นคนสร้างตัวละคร อันนี้ก่อนเรียนที่สัมภาษณ์ในรายการ วันที่มานั่งในรายการ เขาวาดเอาไว้ ตอนนั้นพี่ธัญญ่ากับพี่พีเคให้ทุนการศึกษาน้องเรื่องคอร์สต่างประเทศ ตรงนี้เป็นการเรียนอนาโตมี่เหมือนหมอเลยค่ะ ไหล่ กระดูก ละเอียดเลย เขาก็เรียนมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เข้าสู่อนิเมชั่น เป็นตัวละคร แอนถามว่าตัวละครมันทำอะไรในโลกใบนี้ได้ลูก เขาบอกว่าถ้าเราขายตัวละคร เกมต่างๆ ถ้าเขาชอบลายเส้นเรา เขาจะซื้อตัวละครแบบนี้”
ออกแบบอาร์ตทอยส์ได้มั้ย? ฑีฆายุ : “ผมยังไม่ได้ลองครับ”
แอนนี่ : “แอนก็บอกเขาว่าช่วงนี้ว่างๆ เราลองออกแบบเสื้อแล้วเป็นตัวละครของตัวเอง เราไม่ต้องรอลองงานจากไหน ถ้าเรามีไอเดียก็เริ่มได้ ไม่ต้องอาย ไม่มีใครซื้อก็ไม่เป็นไร แม่ซื้อคนแรก (หัวเราะ)”
ธัญญ่า : “ภูมิใจมาก ณ วันนั้นน้องยังเด็กอยู่เลย แต่วันนี้น้องโตเป็นหนุ่มที่เก่งในทุกๆ ด้านเลย ภูมิใจมากเลยลูก พัฒนาไปเรื่อยๆ นะ หนูจะเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นอนาคตของชาติที่ดีมากๆ เลย”
อยากบอกอะไรป้าญ่า? ฑีฆายุ : “ผมขอบคุณมากเลยครับ”
เริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ก็ห่างๆ แม่บ้างแล้ว แม่น้อยใจ? แอนนี่ : “เราเป็นแม่ เราก็จะฟัดตลอดเวลา เขาก็น่าฟัดอยู่นะคะ เราคิดว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ เหมือนเดิม ถึงเขาจะตัวโตสูงแค่ไหน เราก็คิดว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็กๆ อยู่ดี ล่าสุดเรามีอะไรคุยกันทุกเรื่องอยู่แล้ว ล่าสุดน้องบอกว่าอะไรนะ”
ฑีฆายุ : “ต้องการไพรเวซี่”
ตอนนั้นเป็นไง? แอนนี่ : “แอนสกินชิฟเขาเยอะเกินไป แอนก็รู้ตัวแหละ เขาเป็นผู้ชาย เขาบอกว่าบางทีไม่ได้ เราเป็นผู้หญิง จะไปแบบลูกจ๋าลูกแล้วกอดลูก เราก็ว่ามันน่ารัก แต่เขาเป็นผู้ชาย เขาบอกว่า แม่ ผมเป็นผู้ชาย แม่อย่าทำอย่างนี้เยอะ”
ฑีฆายุ : “ไม่ได้มีใครเห็น แต่ผมแค่ไม่ชอบครับ”
แอนนี่ : “เราก็มาทบทวนตัวเราว่า เออ เราเยอะไปจริงๆ แหละ มันเยอะไปใช่มั้ย แม่หอมมากเกินไปใช่มั้ย งั้นแม่ลดลง แต่ยังคงหน่อยๆ ได้มั้ย (หัวเราะ) เรารู้สึกเหมือนตัวเองอกหัก นั่งเศร้าแล้วไปนั่งซึมอยู่หน้าบ้าน(หัวเราะ) แอนว่าพ่อแม่ทุกคนต้องเติบโตไปพร้อมๆ กับลูก บางคนคิดว่าเราเป็นแม่ เราจะทำอะไรก็ได้ จริงๆ เราต้องถามเขาบ้าง เขาไม่ได้ไม่รักเรา เขาแค่ต้องการสยายปีกแล้วโบยบิน”
มีสาวมาชอบหรือยัง? แอนนี่ : “เรื่องนี้ดิฉันก็ไม่ทราบ”
ฑีฆายุ : “ไม่มีเลยครับ”
แม่แอนยื่นคำขาดกับน้องฑี ถ้ามีแฟน เรื่องความสัมพันธ์ต้องมาบอกแม่? แอนนี่ : “แน่นอน เราเป็นแม่ อีกหน่อยเป็นแม่สามี ถ้าเกิดลูกมีแฟน เราก็บอกลูกเรื่องเพศศึกษา สอนไปตั้งแต่ป.3 ป.4 แล้ว ในเมื่อเขามีเพื่อนผู้หญิงแล้ว มีผู้หญิงมาสารภาพรักกับเขาสมัยเด็กๆ แล้ว ก็คิดว่าเขาน่าจะรู้แล้วว่ามีความรักหนุ่มสาว ในโรงเรียนก็เริ่มสอนสุขศึกษาแล้ว เราดูการบ้านลูกอยู่ก็ใส่เข้าไปว่าเมื่อเป็นแบบนี้มันอย่างนี้ๆ นะ เราเล่าให้เขาฟังว่าการดูแลตัวเองมันเป็นแบบนี้นะลูก แล้วสิ่งสำคัญที่สุด ยูโตขึ้นมา ถ้ายูเมาปลิ้นแค่ไหน ยูรักผู้หญิงคนนั้นมากสุดหัวใจ ถ้าเกิดสิ่งอะปิ๊งอะปึ้งกัน สิ่งสำคัญที่สุดคือวิ่งค่ะลูก วิ่งหนีออกจากห้องให้เร็วที่สุด ให้กลับบ้านมาหาแม่ได้มั้ย”
แอนนี่ : “ไม่รู้ เราก็พูดให้ตลก เหมือนถ้าไม่มีสติ ควบคุมตัวเองไม่ได้ ให้นึกถึงแม่เข้าไว้ ถ้าสมมติมีหลานให้แม่ก่อน หนูดูแลตัวเองได้ก่อนมีเงินมีทองเป็นของตัวเอง กรุณาเลี้ยงเองนะคะ เพราะที่ผ่านมาฉันเลี้ยงเธอเหนื่อยมากเลย แต่เวลาแอนพูดก็ตลกแบบนี้ แต่ในความตลกของแอน เขารู้ว่ามันมีความจริงนะ”
ฑีฆายุ : “แม่สอนผมตลอด ผมก็โอเคครับ เราไม่เครียด ก็เข้าใจและตลกด้วยครับ”
หวงลูกขนาดไหน? แอนนี่ : “ไม่หวงค่ะ อยากมาก็ลองดู (หัวเราะ)”
เขินมั้ยแม่สอนแบบนี้? ฑีฆายุ : “ไม่รู้ครับ”
แอนนี่ : “มันออกไปแนวตลก มันเลยไม่เขิน แอนทำให้เขารู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัว ไม่ใช่เรื่องต้องเครียดที่จะคุยกับแม่ มันสามารถคุยกันได้”
เพิ่งชนะในการฟ้องคดีหมิ่นประมาท? แอนนี่ : “แอนฟ้องเพจ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 10 กว่าปี แอนไม่ฟ้องใครอยู่แล้ว อยากด่าก็ด่าเต็มที่ เอาให้เต็มเลย อยากพูดอะไรก็พูด เพราะมันเป็นขยะในใจเขา ไม่เป็นไร แต่อันนี้ลูกแอนก็โตแล้ว เขาเรียกว่ามาจัดอันดับ พูดพาดพิง ขึ้นรูปลูกเรา ใส่ข้อความไม่น่ารัก ครั้งที่แล้วแอนก็พูดไปแล้ว แอนก็เลยตัดสินใจ แอนให้ฑีดูว่าอันนี้ไม่น่ารักแล้วลูกต้องอยู่ในสังคมโรงเรียน เรื่องเก่าลูกก็รู้ ทุกอย่างเราผ่านมาหมดแล้ว อันนี้ควรมูฟออนไปเรื่องใหม่ได้แล้ว ถึงคุณไม่มูฟออนก็ไม่เป็นไร แต่คุณอย่าสร้างเรื่องให้เรา อย่าสร้างเรื่องใหม่ ทำให้เราเสื่อมเสียชื่อเสียง”
แอนโดนบูลลี่กลางไลฟ์ เห็นว่าร้องไห้เลย? แอนนี่ :“ใช่ ก็เลยหยุดไลฟ์ จิตตก บางทีเวลาเราไลฟ์สดขายของ เมื่อก่อนแอนไลฟ์ทุกวัน ได้มากได้น้อย แต่พอมีคำพูดไม่น่ารักเกิดขึ้น บางทีแอนก็อ้วนๆ ผอมๆ บางทีก็โทรมบ้าง ไม่ใช่จะสวยตลอดเวลา ก็พูดขึ้นมาว่าหน้าอย่างนี้เหรอ บูลลี่เรื่องหน้าตา รูปร่าง วันนี้หัวไม่มัดมา ไม่เหม็นเหรอ เราก็เฮ้ย ทำไม คุณไม่ซื้อเราไม่ได้ว่า แต่อย่าด่าให้มันมากนัก เรารู้สึกว่าคนด่ามักไม่ค่อยซื้อ คนซื้อมักไม่ค่อยด่า เราเลยหยุดไลฟ์สดไปก่อนช่วงนึง”.